นาน ๆ ครั้งที่คุณแม่ผมจะกลับมาเยี่ยมบ้าน และเมื่อถามคุณแม่ว่าอยากทานอะไรบ้าง เราเป็นลูกก็อยากตอบสนองสิ่งที่คุณแม่ปรารถนา คุณแม่ผมเป็นมะเร็งลำไส้ครับ และ หายดีแล้ว เลยตามใจได้พอสมควร นั่นหมายถึงไม่ต้องควบคุมอาหารมากนัก
ในวันที่ผมเร่งรีบ เหมือนแกล้งกัน มันยุ่ง ๆๆๆๆๆ มาก ๆๆๆๆ จนลืมได้ในบางเรื่อง แต่เมื่อผมซื้อของ ผมจะถามนะว่า “ใส่ ผงชูรสมั๊ยครับ ใช้สารเคมีอะไรมั๊ยครับ “ ผมถามป้าที่ขายปลาจวดคนนี้สองรอบ และย้ำว่า ป้า อย่าทำผมนะ ผมแพ้สารเคมี ป้าบอกว่า ไม่ใช้เลยลูก ผมเลยเหมาหมดทั้งแผงครับ ก็แค่ 800 บาทเองครับเพื่อทำให้คุณแม่ผมได้มีความสุขกับการรับประทานอาหารที่ท่านต้องอดมานานบ้าง
หลังทานอาหารเสร็จ ไม่นานก็ทั้งถ่าย ทั้งอาเจียน สนุกสนานกันทั้งบ้านครับ โดนเต็ม ๆ ก็เลยพากันไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจอุจจาระ และในอาการที่เหมือนกัน หมอจ่ายยาแก้หวัดให้ผม จ่ายยาแก้ท้องเสียให้ภรรยา จ่ายเกลือแร่ให้ลูก ๆ และจ่ายยากระเพาะอาหารให้คุณแม่ ผมก็จ่ายเงินและบอกให้ทุกคนเอายาตั้งไว้ที่โรงพยาบาลครับ ตอนนั้นตัวผมยังไม่มีอาการอัมพาตหรือเส้นเลือดสมองตีบตันครับ
เมื่อมาถึงบ้านก็พยายามให้ทุกคนดื่มน้ำเยอะ ๆ และถ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ผมซิ เนื่องจาก ไม่ค่อยได้เจอสารเคมีมากนัก ร่างกายรับไม่ได้ ในขณะที่ผมพาลูกสองคนไปเอาน้ำที่สั่งไว้
เมื่อมาถึงบ้านก็พยายามให้ทุกคนดื่มน้ำเยอะ ๆ และถ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ผมซิ เนื่องจาก ไม่ค่อยได้เจอสารเคมีมากนัก ร่างกายรับไม่ได้ ในขณะที่ผมพาลูกสองคนไปเอาน้ำที่สั่งไว้
ในระหว่างทาง กลางสี่แยก ผมรู้สึกว่าปลายฟันมีอาการชา ริมฝีปากชา และตามมาด้วย ยกแขนไม่ขึ้น แตะคันเร่งไม่ได้
ผมจอดกลางแยกเลยครับ เพราะมีลูกที่ผมรักสองคนอยู่ในรถกับผมและโทรให้ภรรยาจัดการต่อ
ผมจอดกลางแยกเลยครับ เพราะมีลูกที่ผมรักสองคนอยู่ในรถกับผมและโทรให้ภรรยาจัดการต่อ
จากนั้น ผมไปโรงพยาบาลที่สองครับ เป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่ทำประกันชีวิตเอาไว้ ก็ตรวจเช็คครับ แล้วหมอหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง หมอขอให้นอนพักที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อดูอาการ ผมบอกว่าไม่ได้ ซึ่งภรรยาโกรธผมมาก เพราะถ้านอนผมจะมีรายได้จากค่าชดเชยวันละหลายพันบาท ผมบอกกับภรรยาไปว่า นอนไม่ได้ ในเวลาที่เรานอนแล้วเส้นเลือดตันเราจะไม่รู้ตัว เพราะเราไม่ได้ยกมือยกเท้า จะมารู้อีกทีเส้นเลือดจะแตกระเบิดเถิดเทิงแล้ว ใครก็เอาไม่ทันหรอก เธอยอมที่จะเข้าใจครับและสุดท้าย ก็จ่ายเงิน และทิ้งยาไว้อีก
ไปต่อ โรงพยาบาลที่สาม ก็เอกชนอีกนั่นแหละ ก็มีประกันซะอย่าง มันหรูหราดี ดูสมเกียรติ์ สมฐานะ ว่ากันอย่างนั้นเถอะ ก็เช่นเคยครับ ก็ต้องรอ ต้องตรวจ และสุดท้าย ก็บอกว่า กล้ามเนื้ออ่อนแรงเหมือนเดิม ผมก็จ่ายเงินไปก่อน และก็ทิ้งยาไว้ที่โรงพยาบาล
ไปต่อครับโรงพยาบาลที่ สี่ คราวนี้ นั่งรอหมอนานหน่อย เพราะคงยุ่งกันน่าดู เป็นโชคดีของผมครับ คุณหมอเป็นรุ่นน้อง คราวนี้ผมไม่ให้หมอวินิจฉัยแล้วล่ะ ผมถามหมอไปว่า ที่นี่มีเครื่อง CT Scan ที่มีคุณภาพระดับแยกออกว่า เส้นเลือดยังไม่แตก กับแตกมั๊ย ไอ้ประเภทที่เห็นได้ระหว่างแตกมากกับแตกน้อยไม่เอานะ และบอกน้องเค้าไปว่า ผมได้ Stroke มาแล้วแน่ ๆ มันติดมาสามรอบแล้ว
ดีครับ น้องคนนี้ดี เขาบอกว่าไม่มี และ ในจังหวัดนี้ เครื่องคุณภาพแบบที่ผมบอกไปมีที่เดียวครับ ผมเลยบอกให้น้องเค้า เขียนใบวินิจฉัยเพื่อส่งต่อให้หมอในโรงพยาบาลต่อไป โดยที่ไม่ต้องให้หมอคนต่อไปต้องมาตรวจ มาวินิจฉัยให้เสียเวลาและปล่อยให้เซลล์สมองผมตายไปเรื่อย ๆ จากการการขาดอากาศและอาหาร
ผมโทรให้คุณ เริงศักดิ์ แก้วกระจก ซึ่งเป็น เภสัชกร มารับ และไปส่ง ผมบอกให้จอดรถที่หน้าห้องฉุกเฉิน แล้วผมก็รีบวิ่งเลยครับ เพื่อไปนอนบนเตียงเข็นผู้ป่วย แล้วให้ลูกชายเข็นไป เพราะถ้าเดินไปในแบบปกติ และไปนั่งรอคิว ได้นานแน่ ๆ เซลล์สมองก็จะตายไปตามระยะเวลาที่เดินไปเรื่อย ๆ ความสำคัญของความเจ็บป่วยก็จะลดลงไป ผมรีบให้ลูกชายยื่นเอกสารที่หมอโรงพยาบาลที่แล้วให้มา และไม่นาน ก็ได้สแกน และ ได้น้ำเกลือพร้อมยาสลายลิ่มเลือด คราวนี้ก็ได้นอนโรงพยาบาลซิครับ ห้องรวม ร้อนก็ร้อน ผู้ป่วยเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่มีเตียงหรอก ผมนอนบนเตียงเข็นผู้ป่วยนั่นแหละ และไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะ เสียงผู้ป่วยสลับกันไอบ้าง อ๊วกบ้าง กรนบ้าง จนตีสอง เห็นลูกชายเดินมาหา แล้วบอกว่าง่วง แต่ไม่รู้ว่าจะนอนที่ไหน ผมถึงกับน้ำตาไหลเลยครับ
ตอนเช้าก็มีนักศึกษาแพทย์มาตรวจ มาถามเยอะแยะไปหมดครับ จนถึงอาหารเช้า เป็นโจ๊กหมู ซึ่งเมื่อตักเข้าปากต้องรีบคายทิ้ง เพราะผมรับรู้ถึงสารปรุงรสจำนวนมหาศาลได้ และผมไม่ทาน เลยให้ลูกไปหาซื้อที่ไม่ใส่สารปรุงรสให้
ถึงคิวหมอใหญ่ซะที ราว 11.00 น.ครับ ท่านก็ตรวจไปเรื่อยจนมาถึงคิวผม ท่านก็ดูผลการตรวจร่างกาย(ซึ่งผมได้ขอดูจากพยาบาลเรียบร้อยแล้ว) และก็จ่ายยา ไม่นึกไม่ฝันครับ หมอใหญ่จ่าย Simvastatin 20 mg.กับแอสไพริน และ ยากระเพาะอาหาร ให้ผม
ผมนั่งใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ เลยเรียกพยาบาลมาช่วยเข็นเตียงให้ผมไปคุยกับหมอใหญ่หน่อย และได้คุยครับ ผมมองหน้าท่าน และบอกไปว่า เท่าที่ผมรู้นะ ยาตัวนี้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาไม่ใช้กันแล้วนะ แล้วคุณจ่ายให้ผมทำไม เล่นเอาหน้าเสียเลยครับ ผมเลยบอกเอาโน่น เอานี่ ก็ประกันจ่ายนี่ครับ เราสามารถระบุให้หมอจ่ายได้ แต่คำตอบคือ ไม่มี ผมเลยบอกไปว่า ไม่เป็นไร ผมขอกลับบ้านจะดีกว่า อย่างน้อยลูกผมจะได้นอนเต็มอิ่ม เพราะยาที่โรงพยาบาลให้ผมน่ะ มันไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ ดูเหมือน หมอจะฉุนเล็กน้อยนะ เพราะคงไม่มีใครกล้าปากดีขนาดนี้ ว่ามั๊ย
วิธีคิด
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็วิปัสสนาซิครับ
เหตุที่เราเป็น ก็เพราะมีเกร็ดเลือด หรือลิ่มเลือดไปอุดตันในเส้นเลือด เลยทำให้เซลล์สมองเสียหายจากการขาดอาหารและอากาศจึงไม่สั่งการให้แขน ให้ขาทำงาน
เหตุที่เราเป็น ก็เพราะมีเกร็ดเลือด หรือลิ่มเลือดไปอุดตันในเส้นเลือด เลยทำให้เซลล์สมองเสียหายจากการขาดอาหารและอากาศจึงไม่สั่งการให้แขน ให้ขาทำงาน
แน่นอนว่าต้องไปแก้ที่เซลล์สมองให้มีการสั่งการให้เร็วที่สุด แล้วเซลล์สมองต้องการอะไร ก็อาหาร และอากาศ
งั้น เริ่มที่ระบบย่อยก่อนเลย ถ้าผมกินอาหารเพื่อสมอง 100 บาท แต่ระบบการย่อย ย่อยได้แค่ 50 บาท อาหารที่ไปถึงสมองก็น้อยลง ผมเลยหาเอ็นไซม์มากินเป็นลำดับแรก เพื่อให้ระบบการย่อยทำงานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
และเมื่อย่อยดีแล้ว ก็ไตร่ตรองว่า ถ้าระบบดูดซึมตกล่ะ ก็คงจะนานกว่าจะหาย ผมก็หาไฟเบอร์เป็นซองมาล้างไขมันในลำไส้ เพื่อให้การดูดซึมดีร้อยเปอร์เซ็นต์
คราวนี้ แล้วเลือดจะส่งอากาศและอาหารไปยังเซลล์สมองอย่างเต็มร้อยได้อย่างไร
โดยไม่มีการสะดุด ผมก็ใช้ น้ำมันรำข้าวผสม Q10 ซึ่งเป็น HDL ช่วยในการหล่อลื่นเส้นเลือด
คราวนี้ แล้วเลือดจะส่งอากาศและอาหารไปยังเซลล์สมองอย่างเต็มร้อยได้อย่างไร
โดยไม่มีการสะดุด ผมก็ใช้ น้ำมันรำข้าวผสม Q10 ซึ่งเป็น HDL ช่วยในการหล่อลื่นเส้นเลือด
แล้วระบบกล้ามเนื้อล่ะ ต้องให้กล้ามเนื้อบีบและคลายตามจังหวะโดยการไม่มีสะดุด ถ้าแคลเซียมไม่เป็นสัดส่วนที่ดีกับแม็กนีเซียม กล้ามเนื้อก็จะบีบตัวนานไป ผมก็หาแคลเซียมกับแม็กนีเซียม ที่สมดุลมาทาน
แล้วตับผมล่ะ มันต้องทำงานเต็มร้อย ซึ่งมันมีหน้าที่ตั้ง 7 อย่าง ผมก็ต้องการให้มันเต็มร้อย อาหารของตับเหรอครับ ก็สารCoQ1 ในผักสดเยอะๆ แต่คงไม่ทันการ เลยไปหา สาร CoQ10 มาทานและต้องมีเลซิตินผสมอยู่ด้วยนะ เพราะมันละลายได้ในน้ำมัน
ด้วยความโชคดีของผม ผมหาได้ภายใน หนึ่งวัน และผมเชื่อว่าผมจะหายเร็ว ทั้งที่ภรรยา แม่ยาย คุณแม่ และลูก ๆ เริ่มแอบร้องให้กันบ้างแล้ว ผมยังต้องคอยปลอบประโลมคนที่ไม่ป่วยอีกต่างหาก คือมันสลับกันว่ามั๊ย ปกติก็เคยเห็นแต่การปลอบ และให้กำลังใจผู้ป่วย 555 บ้านผมนี่แปลกจริง
วันที่ 5 ของการมาถูกทาง
ที่หน้าบ้านมีคนมารอเยี่ยมมากมาย สอบถามอาการจากภรรยาผมกันจ้าละหวั่น ภรรยาเลยให้ลูกไปเรียกผมมาพบคนที่รักและห่วงใยผม และแล้วผมก็เดินยิ้มร่าออกมาจากห้องนอน แล้วบอกทุกคนว่า ขอบคุณที่มาเยี่ยม กลับบ้านไปทำงานทำการเถอะ ผมหายดีแล้ว
ง่ายดีมั๊ยครับ นี่คือ ความจริงที่ว่า ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาเพื่อซ่อมแซมตัวเอง แต่ต้องให้สิ่งที่ร่างกายต้องการอย่างสมดุล
สวัสดี
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น