ไขมัน ความดัน หัวใจ เบาหวาน กินยากันไปจนไตพัง ไขมันพอกตับ และมะเร็ง แล้วเจ้าสามตัวแรกก็ยังไม่ยอมหาย..เลยได้ตายไปพร้อมกัน
จริง ๆ แล้วถ้าอ่านทุกโพสต์แล้วสังเคราะห์ก็คงจะเห็นภาพได้ชัดมากครับ แต่มันคงจะยากไป ผมเลยจับยำให้เลยดีกว่า..
ไอ้โรคกระจอกพวกนี้น่ะรึ ...ตามมาแล้วค่อย ๆ คิดตามนะครับ
จริง ๆ แล้วถ้าอ่านทุกโพสต์แล้วสังเคราะห์ก็คงจะเห็นภาพได้ชัดมากครับ แต่มันคงจะยากไป ผมเลยจับยำให้เลยดีกว่า..
ไอ้โรคกระจอกพวกนี้น่ะรึ ...ตามมาแล้วค่อย ๆ คิดตามนะครับ
ครั้งหนึ่งเมื่อเลือดคุณ..ข้น..จาก”ความหวานหรือน้ำตาลทุกรูปแบบและ/หรือเกิดภาวะขาดน้ำ” ความข้นนี้จะทำให้ผนังหลอดเลือดคุณแข็งและชำรุด..จากนั้น.. ร่างกายรับรู้ว่าชำรุด ตับเลยเร่งสร้าง..คอเลสเตอรอล..มาซ่อม หรืออุดเอาไว้ (ผู้ป่วยผมคนหนึ่งกินผลไม้กับผักสลัดเป็นอาหารหลักและโปรดปรานน้ำหวานทุกชนิด คอเรสเตอรอลเธอปาเข้าไปเกือบ 400)..
ด้วยความไม่รู้เจ้าของร่างกายก็ยังคงสร้างความข้นอย่างต่อเนื่องในเลือด การชำรุดก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ ตับก็ต้องสร้างคอเลสเตอรอลมาซ่อมเพิ่ม จากนั้น คุณจะได้ไอ้ที่เรียกกันว่า..ไขมันในเลือดสูง ..แล้วเมื่อไปพบคนที่คุณเรียกว่า..หมอ..คุณก็จะได้ยาลดไขมันมา!!! อันนี้ถูกต้องนะครับ
จากนั้นคุณก็ไม่หยุดเหตุเพราะเชื่อมั่นในยาลดไขมัน ว่ามันดีแน่ ๆ แต่ผนังหลอดเลือดส่วนที่ยังไม่ชำรุดก็ชำรุดเพิ่ม ตับก็สร้างคอเลสเตอรอลเพิ่มเพื่อซ่อมแซมเพิ่ม เมื่อไปตรวจครั้งใหม่ก็ได้ตัวยาแรงขึ้นและโดน คนที่คุณเรียกว่า.. หมอ.. ดุเอาว่ากินยาไม่ตามที่สั่ง !!! อันนี้ก็ถูกต้องนะครับ
จากนั้นยาที่แรงขึ้นก็ลดไขมันที่คอยซ่อมแซมได้มากขึ้นจนเกือบหมด หรือที่เค้าเรียกกันว่า “ เก่งมาก ระดับไขมันอยู่ในระปกติแล้วนะ” แต่รอยชำรุดยังไม่หมด คราวนี้ เมื่อเซลล์ขับพิษออกจากเซลล์ไปสู่กระแสเลือดเพื่อการทำลายทิ้งแล้วผ่านรอยรั่วนั้น ..พิษ..ก็เข้าไปสู่เซลล์บริเวณนั้นและสะสม สะสม จนเกิดความเป็นกรดแล้วก่อปัญหามะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ
ย้อนกลับมาที่ ความดันสูง ..เมื่อคอเลสเตอรอลซ่อมผนังส่วนที่ชำรุดจนมีการพอกตัวหนาขึ้น หลอดเลือดก็แคบลง แคบลง แต่ทุกส่วนของร่างกายยังคงต้องการ สารอาหารและอากาศเท่าเดิม ..หัวใจก็ต้องปั๊มเลือดเร็วขึ้น แรงขึ้น !! มองเห็นภาพกันนะครับ..เหมือนคุณบีบปลายแป๊บน้ำเปี๊ยบเลยล่ะ ..แล้วเมื่อไปพบคนที่คุณเรียกว่า..หมอ..ก็จะได้ยาลดความดันมา ...อันนี้ถูกต้องนะครับ
ต่อมาคุณจะได้อาการ..ชาปลายมือ ปลายเท้า เพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอ อาหารและอากาศไปเลี้ยงไม่พอ..เพราะความดันคุณลดลงแต่ อวัยวะต่าง ๆ ยังต้องการอาหารและอากาศเท่าเดิม..นึกภาพออกนะครับ
เมื่อรู้สึกชาที่ต่าง ๆ คุณจะรู้สึกเหมือนป่วย..ก็เลยไปหาคนที่คุณเรียกกันว่า..หมอ.. อีกเช่นเคย !!แต่คราวนี้ เปลี่ยนคนแล้วล่ะ เพราะคุณจะได้พบผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและจะได้ยาบำรุงประสาท ไวตามินบี จะรวมหรือไม่รวมก็ยินดีที่จะกิน แล้วมันก็ดีขึ้นจริง ๆ แฮะ จากนั้นคุณก็จะคิดว่า “เออ สงสัยต้องกินไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ เพราะมันดีจริง กินแล้วหาย” แล้วก็กินไป โดยไม่รู้ว่า ยาทุกตัวส่งผลต่อไต
ต่อมาก็จะรู้สึกเริ่มปวดหลังบริเวณไต ก็ไปหาคนที่คุณเรียกว่า..หมอ... แต่ต้องเปลี่ยนคนอีกแล้วล่ะ เพราะคราวนี้มีปัญหาเกี่ยวกับไต ก็ต้องใช้ยารักษาไต และแล้วก็ได้ยารักษาไตมา กินไปกินไป ก็ดีขึ้น “เออ สงสัยต้องกินตลอดชีวิตอีกแล้วล่ะ” แต่ยาทุกตัวอย่างไรมันก็คือสารเคมีและทำให้ร่างกายเป็นกรดรวมถึงตกค้างที่ไตจนท้ายที่สุด ไตวายเรื้อรังบ้าง ไตวายเฉียบพลันบ้าง ก็ล้างกันไป !! มองเห็นภาพนะครับ
ต่อมาเมื่อเส้นทางลำเลียงเลือดเล็กลง แต่ร่างกายยังต้องการอาหารและอากาศเท่าเดิม เครื่องปั้มอย่างหัวใจก็ต้องทำงานมากขึ้น บีบเร็วขึ้น ก็เหมือนนักเพาะกายครับ ...เมื่อไปพบคนที่คุณเรียกว่า หมอ เค้าจะบอกว่าคุณได้ ..หัวใจโต..มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ยามาเพียบเพื่อรักษาหัวใจโต..นึกภาพออกนะครับ
แล้วเบาหวานล่ะ ..ตามมา
เบาหวานคือ น้ำตาลในเลือดมากเกินไปจนอินซูลินไม่เพียงพอที่จะพาเข้าสู่กระแสเลือด !!
เบาหวานคือ น้ำตาลในเลือดมากเกินไปจนอินซูลินไม่เพียงพอที่จะพาเข้าสู่กระแสเลือด !!
ถ้าเช้ามาคุณกินกาแฟและน้ำตาลสองช้อน นั่นก็ น้ำตาล ต่อมากินข้าวขาว ขนมจีน ขนมปัง พวกนี้ถูกย่อยเร็วมากและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเร็วมาก ๆ ร่างกายก็ใช้งานได้เร็ว เลยไม่ได้เอาที่เก็บไว้มาใช้ คุณก็อ้วนเอ๊า อ้วนเอา ..อันนี้ถูกต้องนะ แล้วน้ำตาลก็อยู่ในกระแสเลือดเพียบ เมื่อน้ำตาลในเลือดเยอะ ก็เลือดข้น เมื่อเลือดข้นก็ไปทำให้ผนังหลอดเลือดชำรุด แล้วก็กลับมาที่วงจรดังที่กล่าวมาข้างต้น
จากนั้นเมื่อไปพบคนที่คุณเรียกว่า..หมอ..ก็จะได้ยาเบาหวาน ไขมัน ความดัน หัวใจ มาเป็นกระบุง
ลองช่วยผมคิดหน่อยซิ ว่าโรคกระจอก ๆ พวกนี้ต้องแก้ที่ตรงไหน และแก้อย่างไร โดยไม่ต้องเอาสารเคมีมาทำลายร่างกายของคุณ
ด้วยรักและห่วงใย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น