รื่องเล่าที่อยากให้รู้....ตอน หรือเราจะรอให้มันเกิด
ฮอร์โมนสัตว์สร้างหายนะต่อมนุษย์อย่างจริงแท้แน่นอนและการแก้ไขจากประเทศที่สอนให้เรากินนมสัตว์ คือการผลิตยาจิตเวชมาขายให้ลูกหลานเรา พาลูกหลานเราลงสู่ก้นเหวลึกและภาษีของเราก็ถูกใช้ไปแบบไร้แก่นสารอีกทั้งบุคลากรด้านต่าง ๆ ยังส่งเสริมกันอยู่เนือง ๆ
อีกรอบ ...สำหรับ
ฮอร์โมนจากนมวัวที่คั่งค้าง กับการดีท็อกซ์ฮอร์โมน
!! ต้นตอของเรื่องนี้!!
“กราบเรียนหมอไฝที่เคารพ
หนูอยากจะแจ้งให้คุณหมอทราบและดีใจไปกับหนูด้วย คือเมื่อวานคุณครูประจำชั้นถามว่า ปิดเทอมไปทำอะไรมา ทำไมลูกชายหนูนิ่งขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ตั้งใจเรียนมากขึ้น นี่เป็นครูคนที่สองที่ถามแบบนี้ หนูงี้ปลื้มมาก หน้าหมอไฝงี้
😈
😈 ลอยมาแต่ไกลเลย
ครูคนแรกที่สอนภาษาไทยทักว่ามีสมาธิในการเรียนนานขึ้น พยายามฟังที่ครูอธิบายและคิดตามได้มากขึ้น (เรียนพิเศษตัวต่อตัวเพราะเรียนอ่อนมาก สักแต่ว่ากาข้อสอบเสร็จก็คิดว่าเสร็จแล้ว) แต่ก่อนลูกชายหนูจะเป็นประเภทไฮเปอร์ คือจะไม่อยู่นิ่ง จะหลุกหลิกตลอด เวลาให้ยืนรออะไร จะยืนเฉยๆไม่เป็น ต้องกระโดด ต้องสั่นขา คือยืนนิ่งๆไม่เป็นอ่ะค่ะ สมาธิสั้นมาก!!!
มีเพื่อนแนะนำให้ไปหาหมอจิตเวช ก็ลองไปดู อยากจะรู้ว่าเค้าจะวิเคราะห์ว่าลูกเราเป็นอะไร นั่งคุยนั้่งถามนั่งสังเกตุ ประมาณ 1 ชม.เค้าบอกได้เลยหรือว่าลูกเราจะเป็นอะไร สรุปคือสมาธิสั้นค่ะ แนะนำให้ย้ายจาก English Program เป็นเรียนภาษาไทยธรรมดา บอกว่าลูกชายอ่านหนังสือไม่เข้าใจ ยิ่งไม่ใช่ภาษาไทย ก็ยิ่งไม่เข้าใจกันใหญ่ และนัดมาใหม่อีกสองอาทิตย์ แล้วหนูพาลูกกลับไปอีกหรือเปล่า ตอบแบบมั่นใจเลยค่ะ ว่าไม่กลับไป ไม่ใช่ว่าโกรธที่เค้าบอกว่าลูกเราสมาธิสั้น แต่รู้สึกว่าการรักษาจะไม่ใช่ ถ้าขยับไปอีกซักนิด สงสัยมีแจกยา เลยไม่กลับไปอีก Teacher ชาวต่างชาติ ที่สอนกันมาบอกว่า เค้ากำลังสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงทำข้อสอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่ เค้าเคยทดสอบว่าถ้าถามปากเปล่า ตอบได้หมด แต่ทำไมพอให้เขียนคำตอบลงในกระดาษ ถึงตอบไม่ได้ หนูรู้คำตอบเลยว่าเด็กไม่อดทนอ่านคำถาม คิดว่ายาก เลยตอบมั่วๆ
พอมาเจอบทความหมอไฝ ก็เลยเริ่มศึกษาและเริ่มปฏิบัติตาม พยายามจำ งดนม และหลีกเลี่ยงหวาน ใน 1 อาทิตย์ จะได้กินไอติม 1 ครั้ง ตกลงกันไว้แบบนี้ แต่ถ้าอยู รร.แล้วอาจซื้อกินตามเพื่อนก็อีกเรื่องนึง (อันนี้อยู่เหนือการควบคุม ) ให้กินน้ำมะนาวผสมเกลือนิดหน่อยไม่ผสมน้ำ วันเว้นวัน ดื่มน้ำผักบีทรูท บางวันเป็นน้ำผักผลไม้ สลับกัน ซึ่งมันก็ได้ผลดีเกินคาด
จริงๆแล้วหนูเริ่มสังเกตุ เวลาให้เค้าทำการบ้านมาซักพักแล้ว ว่าเค้าเริ่มมีสมาธิ แต่ยังไม่กล้าฟันธง จนคุณครูที่รร.ทักมา เลย ใช่เลย และได้ตอบคุณครูไปว่า งดหวานค่ะ คุณครูได้ยินดังนั้น ก็ถามกลับมาว่าจริงเหรอ เดี๋ยวครูจะไปบอกผู้ปกครองคนอื่นมั่ง


ครูคนแรกที่สอนภาษาไทยทักว่ามีสมาธิในการเรียนนานขึ้น พยายามฟังที่ครูอธิบายและคิดตามได้มากขึ้น (เรียนพิเศษตัวต่อตัวเพราะเรียนอ่อนมาก สักแต่ว่ากาข้อสอบเสร็จก็คิดว่าเสร็จแล้ว) แต่ก่อนลูกชายหนูจะเป็นประเภทไฮเปอร์ คือจะไม่อยู่นิ่ง จะหลุกหลิกตลอด เวลาให้ยืนรออะไร จะยืนเฉยๆไม่เป็น ต้องกระโดด ต้องสั่นขา คือยืนนิ่งๆไม่เป็นอ่ะค่ะ สมาธิสั้นมาก!!!
มีเพื่อนแนะนำให้ไปหาหมอจิตเวช ก็ลองไปดู อยากจะรู้ว่าเค้าจะวิเคราะห์ว่าลูกเราเป็นอะไร นั่งคุยนั้่งถามนั่งสังเกตุ ประมาณ 1 ชม.เค้าบอกได้เลยหรือว่าลูกเราจะเป็นอะไร สรุปคือสมาธิสั้นค่ะ แนะนำให้ย้ายจาก English Program เป็นเรียนภาษาไทยธรรมดา บอกว่าลูกชายอ่านหนังสือไม่เข้าใจ ยิ่งไม่ใช่ภาษาไทย ก็ยิ่งไม่เข้าใจกันใหญ่ และนัดมาใหม่อีกสองอาทิตย์ แล้วหนูพาลูกกลับไปอีกหรือเปล่า ตอบแบบมั่นใจเลยค่ะ ว่าไม่กลับไป ไม่ใช่ว่าโกรธที่เค้าบอกว่าลูกเราสมาธิสั้น แต่รู้สึกว่าการรักษาจะไม่ใช่ ถ้าขยับไปอีกซักนิด สงสัยมีแจกยา เลยไม่กลับไปอีก Teacher ชาวต่างชาติ ที่สอนกันมาบอกว่า เค้ากำลังสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงทำข้อสอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่ เค้าเคยทดสอบว่าถ้าถามปากเปล่า ตอบได้หมด แต่ทำไมพอให้เขียนคำตอบลงในกระดาษ ถึงตอบไม่ได้ หนูรู้คำตอบเลยว่าเด็กไม่อดทนอ่านคำถาม คิดว่ายาก เลยตอบมั่วๆ
พอมาเจอบทความหมอไฝ ก็เลยเริ่มศึกษาและเริ่มปฏิบัติตาม พยายามจำ งดนม และหลีกเลี่ยงหวาน ใน 1 อาทิตย์ จะได้กินไอติม 1 ครั้ง ตกลงกันไว้แบบนี้ แต่ถ้าอยู รร.แล้วอาจซื้อกินตามเพื่อนก็อีกเรื่องนึง (อันนี้อยู่เหนือการควบคุม ) ให้กินน้ำมะนาวผสมเกลือนิดหน่อยไม่ผสมน้ำ วันเว้นวัน ดื่มน้ำผักบีทรูท บางวันเป็นน้ำผักผลไม้ สลับกัน ซึ่งมันก็ได้ผลดีเกินคาด
จริงๆแล้วหนูเริ่มสังเกตุ เวลาให้เค้าทำการบ้านมาซักพักแล้ว ว่าเค้าเริ่มมีสมาธิ แต่ยังไม่กล้าฟันธง จนคุณครูที่รร.ทักมา เลย ใช่เลย และได้ตอบคุณครูไปว่า งดหวานค่ะ คุณครูได้ยินดังนั้น ก็ถามกลับมาว่าจริงเหรอ เดี๋ยวครูจะไปบอกผู้ปกครองคนอื่นมั่ง
ประโยคเดียวกันค่ะ หมอที่รพ.บำรุงราษฎร์ถามว่า ไปทำอะไรมา ถึงแข็งแรงขึ้น หนูก็ตอบแบบมั่นใจเลยค่ะ ว่า งดหวาน งดนม หมอเงยหน้าจากใบสั่งยาเลยค่ะ ถามว่าจริงเปล่า ถ้างั้นหมอจะได้ไปบอกพ่อแม่เด็กคนอื่นมั่ง
แต่ไม่รู้จะยอมเชื่อกันหรือเปล่า เรื่องหวานๆ นี่ห้ามยาก แต่หมอจะลองบอกดูนะ เป็นไงคะหมอไฝ ยิ้มแก้มปริเลยป่าว....
แต่ไม่รู้จะยอมเชื่อกันหรือเปล่า เรื่องหวานๆ นี่ห้ามยาก แต่หมอจะลองบอกดูนะ เป็นไงคะหมอไฝ ยิ้มแก้มปริเลยป่าว....
สุดท้ายแล้ว หนูอยากตะโกนว่า รักคุณหมอที่สุดในสามโลกเลยคร่าาาา.....
😙
😙
คุณหมอดีใจกับหนูด้วยนะคะ”


คุณหมอดีใจกับหนูด้วยนะคะ”
ต่อไปนี้เป็นคำยืนยันของคนที่โดนมาอย่างหนักเพราะแทบไม่เคยกินน้ำเปล่าจากการถูกฝังหัวว่า นมดี ประโยชน์มากมาย กินแล้วสูงเพราะมีแคลเซียม แต่....อ่านดูนะ
“น้องโชคดีมากค่ะ ที่ไม่ต้องอยู่กับโรคที่ไม่มีใครคาดเดาได้นี้ไปตลอดชีวิต เพราะแค่คำว่าไฮเปอร์ นิ่งไม่ได้ ขาดสมาธิ มันทำร้ายสภาวะร่างกายได้อย่างเลือดเย็น บางคนพออายุมากขึ้น ก็หายใจอยู่แล้วไม่รู้ว่าตัวเองหายใจ ไม่สามารถพาออกซิเจนเข้าไปร่างกายเต็มที่ได้ สภาวะที่หายใจแล้วไม่รู้ว่าหายใจทำให้เกิดความคิดตลอดเวลาว่าลมหายใจจะหยุดไปเลยไหม และมันไม่ใช่แค่ความคิด เพราะออกซิเจนมันเข้าไปไม่ได้อย่างที่ควรจริงๆ หน้าจะดำคล้ำ หมดแรง เพราะได้อากาศแบบแผ่วๆ ช้า ๆ ได้บ้างไม่ได้บ้างเนื่องมาจากกายกับจิตใจไม่ประสานไม่เชื่อมต่อ เวลาที่เกิดเรื่องตึงเครียดยิ่งไปกระตุ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ถึงขนาดลมหายใจชะงักแล้วลงไปกองที่พื้นได้ทันที อาการควบคุมกายและจิตไม่ได้จากความไฮเปอร์นี้ยังลุกลามไปทำร้ายชีวิตทั้งชีวิตได้อย่างแนบเนียน ไม่เจอกับตัวเอง จะไม่รู้ว่ามันทรมานขนาดไหน และหลายคนคิดว่า แค่คำว่าไฮเปอร์ มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ...ยืนยันค่ะว่า Attention Deficit Hyperactive Disorder เป็นโรคที่น่ากลัวมากค่ะ แต่ทางการแพทย์เค้าหาไม่เจอ หรือถ้าเจอเค้าก็จะให้ยาอะไรต่อมิอะไร ซึ่งไม่เคยตรงกับสาเหตุ และในเด็กเล็กๆ เค้ามองว่า ไม่ซีเรียสค่ะ จนกว่ามันจะผ่านไปครึ่งค่อนชีวิต หรือทำร้ายชีวิตจนพังให้เห็นชัดๆ นั่นแหละค่ะ...ถ้ามีบุญวาสนาเข้าไปถึงคำว่า ภาวนา ก็หายได้ค่ะ หรืออีกทาง ก็อย่างที่ Santi กำลังช่วยชี้ทางให้อยู่นี่ค่ะ”
และนี่ในกล่องโต้ตอบอีกรอบ....
เมื่อวานกำลังกระอักๆ อยู่กับเรื่องชีวิตตัวเองค่ะ เห็นโพสต์เรื่องเด็กไฮเปอร์ทีไร น้ำตาไหลทุกที ไม่รู้ทำไม อาจจะเป็นเพราะเห็นและเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างว่า มันเสียหายกับชีวิตได้จริงๆ
น้องเค้าอ่านอะไรยาวๆ ไม่ได้ ป้าตุ๊กตอนเด็กๆ ทำดอกไม้ประดิษฐ์ไม่ได้ ทำแล้วมันฝืน มันเหนื่อย แล้วน้ำตาจะไหล ตอนนั้นก็งง ตัวเองว่าทำไมต้องอยากร้องไห้ ทุกครั้งที่ถึงชั่วโมงนั้น มานึกย้อนจึงได้เข้าใจว่ามันคืออาการไฮเปอร์ แล้วพอเรียนมหาลัย เลือกวิชาโทศิลปะ ก็จริง และงานที่ออกมาต้องหนักๆ แรงๆ ทุกชิ้น แต่มันได้รางวัลนะคะ ดร. แต่งานเส้นละเอียด ไม่เอาเลย รู้แต่ว่าไม่ชอบ แต่มันไม่ใช่แฮะ
อะไรที่ผลักอยู่ข้างใน มันทำชีวิตเป๋ไปเยอะมาก รับน้องมหาลัยไม่ได้ วีนแตก ยูนีค ตลอด4ปี ที่เรียนมหาลัย คือใครก็เอาไม่อยู่ มาถึงชีวิตตอนโต มีแฟนก็ไม่ได้ ไม่ทน ไม่นิ่ง ไม่สนใจ อะไรของกู บางทีเราคิดว่ามันสันดานเรา แต่มันไม่ใช่ เพราะตอนท้ายๆ ที่เริ่มหายใจไม่ได้ และป่วยอย่างชัดเจน มันเริ่มรู้ชัดทุกเรื่องราว เดินไม่หยุด ไม่สบตาคน มีทุกอาการที่คุณแม่วัวทั้งหลายให้มรดกไว้ค่ะ”
นี่คือเรื่องจริง แล้วเราจะพึ่งใครถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น