วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

การขับสารพิษออกจากเซลล์

1 Oct 2015
ต้องขอโทษทุกท่าน ที่ผมย่อได้แค่นี้จริง ๆ ถ้าสั้นกว่านี้ก็จะอ่านกันไม่รู้เรื่องนะครับ และเลขในวงเล็บ เป็นงานวิจัยที่ผมใช้อ้างอิงครับ
โลกสมัยใหม่เต็มไปด้วยสิ่งแวดล้อมที่เป็นสารพิษซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 80,000 ชนิดที่ใช้อยู่เป็นประจำในทุกๆวัน มีมากกว่า 500 ชนิดของสารเคมีที่เก็บไว้ในร่างกายของเราและโดยเฉลี่ยแต่ละบุคคลมีสารกำจัดศัตรูพืชที่พบจากการทดสอบปัสสาวะมากกว่า 7 ชนิด(1, 2)
มีความจำเป็นอย่างมากที่ชีวิตประจำวันต้องมีการล้างพิษที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ออกจากระบบของเราในแต่ละวัน กระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติในร่างกายขึ้นอยู่กับความสามารถของน้ำที่จะทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายในการละลายสารพิษ
เยื่อหุ้มเซลล์ถูกสร้างขึ้นจากกรดไขมันและสารที่ละลายน้ำได้ส่วนใหญ่ผ่านไม่ได้ ดังนั้นสารที่ละลายน้ำได้จึงขึ้นอยู่กับโปรตีนขนส่งพิเศษเพื่อให้ได้เข้าไปในเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารละลายน้ำนำพานี้สามารถเคลื่อนย้ายผ่านการไหลเวียนของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะไม่เข้าไปในเซลล์จนกว่าจะมีสถานการณ์พิเศษเท่านั้น
ในทางตรงกันข้ามกับสารประกอบที่ละลายน้ำได้ เยื่อหุ้มเซลล์ที่เป็นไขมันยอมให้สารละลายไขมันเข้าสู่เซลล์ได้อย่างอิสระ ซึ่งหมายความว่า”สารพิษที่ละลายในไขมันจะเข้าสูเซลล์ได้อย่างง่ายดายและยากมาก ๆ ที่จะเอามันออก
ระบบการล้างพิษที่มีประสิทธิภาพของร่างกาย :
ร่างกายมีระบบการเผาผลาญอาหารในการล้างพิษเพื่อที่จะแก้ไขปัญหานี้โดยการแปลงสารพิษที่ละลายในไขมันไปเป็นสารที่ละลายน้ำและใช้งานไม่ได้ กระบวนการนี้ดำเนินการโดยชุดของเอนไซม์หลายชุดเพื่อปรับปลี่ยน, จับคู่และขนส่งสารพิษออกจากร่างกาย (3)
Xenobiotics: นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายจากสารพิษและการรับประทานยาตามใบสั่งแพทย์ เราเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอนุภาค xenobiotic นับล้านอนุภาคทุกวันและร่างกายของเราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อต่อต้านและกำจัดพวกมันออกจากร่างกาย
Endobiotics: นี่เป็นสารพิษที่ผลิตภายในร่างกายจากฮอร์โมนส่วนเกิน อนุมูลอิสระและกรดน้ำดี
เอนไซม์ล้างพิษแต่ละชนิดที่ต่างกันสามารถทำปฏิกิริยากับสารที่แตกต่างกันจำนวนมากและมีความเข้มข้นมากขึ้นในพื้นที่ที่ร่างกายสัมผัสโดยตรงกับสภาพแวดล้อมนี้ พื้นที่ที่สำคัญ ได้แก่ ตับ ลำไส้ ไต ปอดและสมอง ร่างกายมีระบบน้ำเหลืองที่จะช่วยในการเก็บรวบรวมและย้ายสารพิษเข้าสู่การไหลเวียนผ่านระบบขับถ่าย
สมองมีระบบ glymphatic ที่ถูกสร้างขึ้นในสมองส่วนของระบบภูมิคุ้มกันเฉพาะ เรียกว่าเซลล์เกลีย (glial cells) ระบบนี้ขับสารพิษออกผ่านน้ำไขสันหลังและเข้าสู่ระบบการขับถ่าย
สามขั้นตอนของการล้างพิษเกิดขึ้นในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่ตับเป็นอวัยวะหลักที่มีความเข้มข้นของเอนไซม์ล้างพิษที่สำคัญมากที่สุด
ระยะที่หนึ่งของการล้างพิษ: การเปลี่ยนแปลง
ในระยะนี้จะมีปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ที่เปลี่ยนสารพิษแต่ละตัวให้อยู่ในรูปแบบทางเคมีที่สามารถเผาผลาญโดยเอ็นไซม์ในระยะที่สองได้ ปฏิกิริยาเหล่านี้โดยส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยเอ็นไซม์ cytochrome P450 (CYP) ในตับ (4)
เอ็นไซม์อื่น ๆ อีกหลายตัวเป็นกุญแจสำคัญในช่วงการเปลี่ยนแปลงขั้นหนึ่งนี้ รวมถึง เอ็นไซม์ Flavin monooxygenases (FMOs มีความรับผิดชอบในการล้างพิษนิโคตินจากควันบุหรี่); เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และ โมเลกุลแอลดีไฮด์ (จากการเผาผลาญแอลกอฮอล์) และเอ็นไซม์ monamine oxidases (Maos ทำหน้าที่ทำลายซีโรโทนิน, โดพามีนและอะดรีนาลีน(ฮอร์โมนเนื้อในต่อมหมวกไต)ในเซลล์ประสาท)
เอ็นไซม์เหล่านี้เป็นเป้าหมายของการผลิตยากล่อมประสาทซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สารสื่อประสาทเหล่านี้ถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็วซึ่งจะทำให้พวกเขามีเวลามากขึ้นในการเกิดปฏิกริยาและส่งผลต่อสภาพแวดล้อมของเส้นประสาท
ระยะนี้ขึ้นอยู่กับโปรตีน วิตามิน A, B2, B3, C, E, โฟเลต, เหล็ก, แคลเซียม, ทองแดง, สังกะสี, แมกนีเซียม,ซีลีเนียม ที่เพียงพอ การพร่องในสารอาหารเหล่านี้จะชะลอการเปลี่ยนแปลงของสารพิษที่เฉพาะเจาะจง ภัยคุกคามจากการพร่องรวมถึงความไม่สมดุลของน้ำตาลในเลือด ขาดสารอาหารและการทำงานของลำไส้ที่ไม่ดี จะไปทำลายระบบการดูดซึมสารอาหาร
ระยะที่สองการของล้างพิษ:
ปฏิกิริยาในระยะนี้จะเปลี่ยนสารพิษสารดั้งเดิมเป็นสารพิษที่ละลายน้ำได้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำละลายของเอ็นไซม์ จากนั้นเอ็นไซม์ตัวหลัก ๆ ที่สำคัญจะเริ่มสร้างปฏิกริยาเพื่อการเปลี่ยน (5):
UDP-glucuronlytransferases (UGTs) รับผิดชอบในการกำจัดยาและสารพิษอื่น ๆ มากที่สุด
Glutathione-S-transferases (GSTs) จับคู่สารพิษกับกลูตาไธโอน แล้วกลูตาไธโอนที่มีศักยภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระยังช่วยล้างอนุมูลอิสระออกจากระบบในระยะนี้อีกด้วย
Sulfotransferases (SULTs) กระตุ้นปฏิกิริยา sulfonation ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับฮอร์โมนเพศ
สารอาหารที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ขั้นตอนการล้างพิษครั้งที่สองนี้สมบูรณ์แบบที่สุดคือ วิตามินบีทุกตัวและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง B6 โฟเลตและ B12 ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บริจาจเมธิลที่สำคัญที่สำคัญที่สุดของร่างกาย กำมะถันมีกรดอะมิโนเช่น methionine และ cysteine ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับขั้นตอนนี้
แมกนีเซียมก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งอีกตัวหนึ่งสำหรับ sulfonation, glucuronidation และปฏิกิริยาการจับคู่ของกลูตาไธโอน ปฏิกิริยาจับคู่ขึ้นอยู่กับการทำงานของปัจจัยร่วม โคเอนไซม์เอ (acetyl CoA) ซึ่งถูกสร้างขึ้นผ่านวิตามินบี 5 และใช้เอนไซม์ต่าง ๆ โดยขึ้นอยู่กับวิตามินบีทั้งหลายแหล่
ขั้นตอนที่สามของการล้างพิษ:
กระบวนการนี้จะลำเลียงสารพิษเปลี่ยนผันออกจากเซลล์ผ่านกระสวยขนส่งไปสู่ปัสสาวะหรือน้ำดีสำหรับการขับถ่าย
เมื่อสารพิษเข้าไปอยู่ในน้ำดี พวกมันจะย้ายเข้าไปอยู่ในลำไส้เพื่อรวบรวมเป็นอุจจาระและปล่อยผ่านทางทวารหนัก บรรดาสารพิษที่ละลายน้ำที่มีการรวมตัวกันในกระแสเลือดจะรวมตัวกันและเข้าไปสู่ไตและถูกกรองออกโดยขับออกมาทางปัสสาวะ และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไตเสื่อม
สารอาหารที่สำคัญสำหรับกระบวนการการล้างพิษ:
ฟลาโวนอยด์.. พบว่าลดการทำงานของ CYP’s ในขณะที่เพิ่มกิจกรรมเอนไซม์ในการกำจัดพิษในระยะที่สองยกเว้น Sult’s (6) บางส่วนของฟลาโวนอยด์ เช่น naringenin ซึ่งมีมากในผลไม้เช่นมะนาวและส้มโอ ยับยั้ง CYP และนี่คือเหตุผลที่ไม่แนะนำให้กินส้มโอพร้อมกับยาตามใบสั่งแพทย์ (7)
บางส่วนของฟลาโวนอยด์ที่มีผลยับยั้งใน CYP’s ได้แก่ genistein, diadzein และ equol จากถั่วเหลืองและ aflavins จากชาดำ
ในขณะที่แทนนินในชาเขียวเพิ่มกิจกรรม CYP และ (GST และ UGT) ในระยะที่สอง (8) flavonoid quercetin และอนุพันธ์ isoquercetin และรูตินมีผลเช่นเดียวกัน
ขอจบตอนหนึ่งไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ เขียนเองยังรู้สึกว่ายาวเลยอ่ะ
ตอนสอง จะว่าด้วยสารอาหารในการล้างพิษ ต่อจาก ฟลาโวนอยด์
สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น