ลองมาอ่านเพื่อนรักผมนะ ท่านเป็นหมอผ่าตัด ที่เก่งมาก อันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลยล่ะ คุณเปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ครับ
ลองฟังตัวอย่างเด็กซักรายนะครับ
ตลอดเวลา 25 ปี ของการเป็นแพทย์ ผมมีหลายเรื่องที่คิดว่าน่าเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าประสบการณ์บางอย่างของผมอาจเป็นประโยชน์ต่อใครบ้างก็ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2540 ผมได้รับผู้ป่วยเด็กอายุ 3 ขวบครึ่ง ถูกส่งมาจากห้องตรวจเด็ก ประวัติคร่าวๆก็คือว่าปัญหาของเด็กคือ เด็กนอนกรนเสียงดังมาก พ่อแม่ของเด็กสักเกตุว่าเวลานอน นอกจากนอนกรนเสียงดังแล้ว เด็กยังหายใจไม่สะดวกเหมือนมีอะไรอุดอยู่ที่คอ บางครั้งเหมือนกับเด็กหยุดหายใจไปชั่วครู่ด้วย
พ่อแม่ของเด็กกังวลค่อนข้างมาก กลัวลูกจะหายใจไม่ออก แล้วเสียชีวิตขณะนอนหลับ หมอเด็กตรวจร่างกายเด็กแล้ววินิจฉัยว่า เด็กมีต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โต ขวางกั้นทางเดินหายใจ (ผมขอไม่อธิบายรายละเอียดเรื่องทอนซิลและอะดีนอยด์นะครับ เดี๋ยวจะยาวมากเกินไป) หมอเด็กใช้ยารักษานานประมาณ 3 เดือน เด็กไม่ดีขึ้น จึงส่งต่อมาให้ผมพิจารณาว่าสมควรผ่าตัดต่อมทอนซิลที่โตขวางกั้นทางเดินหายใจออกหรือไม่ ผมอธิบายเรื่องการผ่าตัดทอนซิลและอะดีนอยด์ให้พ่อแม่ของเด็กฟัง พ่อแม่ของเด็กก็เกิดความกังวลอีก เพราะการผ่าตัดต้องวางยาสลบ และเด็กก็อาจเสียเลือดพอสมควรรวมทั้งจากฟื้นจากการวางยาสลบ เด็กก็จะมีการเจ็บคอจากแผลผ่าตัด
เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนถอนฟันพร้อมกันทีเดียว 4 ซี่ เจ็บแค่ไหนไปคิดกันเอาเอง แม่เด็กถามผมว่า "ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ" ผมตอบว่ามี แต่ไม่รู้ว้าพ่อแม่ของเด็กจะยอมเชื่อหรือเปล่า วิธีแบบเพทย์ทางเลือกก็คือ เด็กต้องงดนมวัว และผลิตภัณฑ์ของนมวัวทุกชนิดนาน 1 เดือน แม่ของเด็กตอบรับตกลงทันที หลังจากผ่านไป 1 เดือน เด็กกลับมาหาผมอีกครั้ง พ่อแม่ของเด็กเดินยิ้มเข้ามาที่ห้องตรวจ แล้วบอกว่าเด็กอาการดีขึ้น 80% สิ่งที่พ่อแม่ของเด็กบอกผมต่อมาก็คือว่า แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านมวัวเป็นต้นเหตุของโรคนี้ มันขัดแย้งกันอย่างมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาได้รับรู้แต่ข้อมูลที่บอกว่านมวัวดีสารพัด
แล้วไงล่ะ เลือกเอาว่า จะเชื่อ โฆษณา หรือจะเชื่อ ความจริง
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น