4 Nov 2015
นี่คือ สาเหตุที่ทำให้สาวสวยคนหนึ่งเป็นได้ถึง 15 โรค (วิเคราะห์โรคภรรยาคร้าบบ)
เชื่อหรือไม่ !!!! กรดในกระเพาะอาหารไม่ได้มีไว้เพียงแค่จะลงโทษคุณสำหรับการรับประทานอาหารอินเดีย กรดอยู่ในกระเพาะอาหารก็เพราะมันควรจะมี มันถูกพบในสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกเผ่าพันธุ์และถ้ามันไม่ดี ร่างกายจะสร้างมาทำไม ..ว่าป่ะ
คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดกันหรอกว่ากรดในกระเพาะอาหารมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายอย่างไร ความเข้าใจผิดดังกล่าวนี้จึงถูกทำให้เป็นอมตะโดย บริษัท ยา ผู้ที่ยังคงยืนยันว่ากรดในกระเพาะอาหารไม่จำเป็น ในขณะที่ผู้คนนับล้านทั่วโลกมีการใช้ยาลดกรดซึ่งไม่เพียงแต่นำไปสู่สาเหตุของโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก แต่ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงต่อโรคที่ร้ายแรง (หรือแม้ที่คุกคามชีวิต)
4 ผลกระทบหลักของของยาลดกรดคือ:
เพิ่มจำนวนแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไป
สกัดกั้นการดูดซึมสารอาหาร
ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อ
เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ
สกัดกั้นการดูดซึมสารอาหาร
ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อ
เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ
ตอนเริ่มเขียน ผมตั้งใจที่จะเขียนให้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งสี่ของปัญหาเหล่านี้ในบทความนี้ แต่มันคงจะยาวเกินไป ดังนั้น อ่านเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและสกัดกั้นการดูดซึมสารอาหารไปก่อนนะครับ
กระเพาะอาหารเต็มไปด้วยเชื้อโรค
เราจะไม่ใช้เวลามากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้เนื่องจากความสัมพันธุ์ระหว่างกรดในกระเพาะอาหารต่ำและการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปจะเน้นในตอนที่สองและตอนที่สาม
ทบทวนกันใหม่นะ : กรดในกระเพาะอาหารต่ำทำให้เกิดแบคทีเรียมากเกินไปในกระเพาะอาหารและส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ แบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดการย่อยของคาร์โบไฮเดรตผิดปรกติซึ่งจะก่อให้เกิดก๊าซ ก๊าซนี้จะเพิ่มความดันในกระเพาะอาหารทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารต่ำ (LES) จนทำงานผิดพลาด จากนั้นความผิดปรกติของ LES ยอมให้กรดจากกระเพาะอาหารย้อนเข้าสู่หลอดอาหารแล้วก่ออาการแสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อน
แบคทีเรียจำนวนมากเกินไปส่งผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ รวมถึงการลดการดูดซึมสารอาหาร เพิ่มการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร หลายงานวิจัยยืนยันยากลุ่ม proton-pump inhibitors (PPIs) Lansoprazole, Pantoprazole, Esomeprazole และ Rabeprazole สามารถเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรแบคทีเรียในทางเดินอาหารโดยการกดความเป็นกรดในกระเพาะอาหารเอาไว้ นักวิจัยในอิตาลีตรวจพบเชื้อแบคทีเรียลำไส้เล็ก (SIBO) มากเกินขนาดราว 50% ของผู้ป่วยที่ใช้ PPIs เมื่อเทียบกับเพียง 6% ของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี ความชุกของ SIBO เพิ่มขึ้นหลังจากการรักษาด้วย PPIs ในหนึ่งปี
กรดในกระเพาะอาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการย่อยที่ดี การสลายและดูดซึมสารอาหารเกิดขึ้นในอัตราที่เหมาะสมเฉพาะในช่วงของความเป็นกรดแคบๆ
ในกระเพาะอาหาร และถ้ามีกรดไม่พอปฏิกิริยาเคมีตามปกติที่ต้องใช้ในการดูดซึมสารอาหารจะบกพร่อง เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งนี้สามารถนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่นโรคโลหิตจาง โรคกระดูกพรุน โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคซึมเศร้า, และอื่น ๆ
ในกระเพาะอาหาร และถ้ามีกรดไม่พอปฏิกิริยาเคมีตามปกติที่ต้องใช้ในการดูดซึมสารอาหารจะบกพร่อง เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งนี้สามารถนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่นโรคโลหิตจาง โรคกระดูกพรุน โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคซึมเศร้า, และอื่น ๆ
ธาตุอาหารหลัก
กรดในกระเพาะอาหารมีบทบาทสำคัญในการย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน เมื่อเรากินอาหาร การหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร (HCL) ก่อให้เกิดการผลิตน้ำย่อย น้ำย่อยเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการย่อยโปรตีน หากระดับ HCL ถูกกดเพื่อระดับน้ำย่อยก็ลดลง เป็นผลให้โปรตีนไม่ได้รับการย่อยเป็นกรดอะมิโนและองค์ประกอบเปปไทด์ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นซึ่งในทางกลับกันอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง ความวิตกกังวลและนอนไม่หลับ
ในขณะเดียวกันโปรตีนที่หลบหนีการย่อยโดยน้ำย่อยอาจจะจบลงในกระแสเลือด ซึ่งสิ่งนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในร่างกาย แล้วร่างกายจะทำปฏิกิริยากับโปรตีนเหล่านี้ราวกับว่าพวกมันเป็นผู้รุกรานและก่อให้เกิดการตอบสนองที่หมอคุณเรียกกันว่า ภูมิแพ้และแพ้ภูมิตัวเอง
ธาตุอาหารรอง
เราสามารถที่จะกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ มากที่สุดเท่าที่เราอยากจะกิน อาจเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ ....แต่ถ้ากินเข้าไปแล้ว เราไม่สามารถดูดซับสารอาหารที่เรากินได้ล่ะ เราจะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เรากินเหรอ
เมื่อความเป็นกรดลดลงและค่า pH ของการของกระเพาะเพิ่มขึ้น การดูดซึมสารอาหารจะบกพร่องทันที งานวิจัยนับทศวรรษได้ยืนยันว่า กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำ - ไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเองหรือเป็นผลมาจากการใช้ยาลดกรด - ลดการดูดซึมของสารอาหารที่สำคัญหลายอย่างเช่นเหล็ก, วิตามินบี 12, โฟเลต แคลเซียมและสังกะสี
เหล็ก
การขาดธาตุเหล็กทำให้เกิดโรคโลหิตจางเรื้อรังซึ่งหมายถึงเนื้อเยื่อของร่างกายขาดและต้องการอ็อกซิเจนเป็นอย่างมาก
งานวิจัยหนึ่งกล่าวว่า ใน 35 จาก 40 คน (ร้อยละ 80) ที่มีโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเรื้อรังพบว่ามีการหลั่งกรดต่ำกว่าปรกติ โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นที่รู้จักกันดีว่า เกิดจากการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อของกระเพาะอาหารส่วนที่มีการผลิตกรดออกไป
นักวิจัยพบว่าการยับยั้งการหลั่งกรดโดยใช้ Tagamet ยาที่นิยมใช้ลดกรด ส่งผลในการลดธาตุเหล็กอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มกรดจะเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มีกรดในกระเพาะอาหาร (achlorydia) ได้ดีขึ้น(โดยปราศจากผลิตกรดในกระเพาะอาหาร)
บี 12
วิตามินบี 12 (cobalamin) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกิจกรรมทางประสาทและการทำงานของสมอง B12 เข้าสู่ร่างกายโดยการถูกผูกไว้กับโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ในการดูดซับมัน โมเลกุลของวิตามินจะต้องถูกแยกออกจากโปรตีนเหล่านี้ด้วยความช่วยเหลือของ – เดาเอาเองก็ได้ว่าเป็น – กรดในกระเพาะอาหารเสียก่อน
ถ้ากรดในกระเพาะอาหารต่ำ วิตามินบี 12 ไม่สามารถแยกออกจากโปรตีนได้และดังนั้นจึงไม่ถูกดูดซึมได้ ในการศึกษาจาก 359 คนอายุ 69-79 ปีที่มีโรคกระเพาะขั้นรุนแรง ซึ่งถูกวินิจฉัยว่ามีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ กว่าร้อยละ 50 ของคนเหล่านี้มีระดับวิตามินบี 12 ต่ำ
งานวิจัยมากมายกล่าวถึงผลกระทบของการรักษาด้วย PPI ต่อการดูดซึมวิตามินบี 12 ในการศึกษาหนึ่งทำการศึกษาการเข้ารับการรักษาด้วย Prilosec 20 มิลลิกรัมและ 40 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาสองสัปดาห์พบว่า การดูดซึมวิตามินบี 12 ลดลงถึง 72% และ 88% ตามลำดับ
โฟเลต
เหนือสิ่งอื่นใด โฟเลต (กรดโฟลิค) มีความสำคัญในการรักษาระบบหัวใจและหลอดเลือดให้มีสุขภาพดีและป้องกันข้อบกพร่องบางอย่างในการให้กำเนิดทารก ระดับกรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจรบกวนการดูดซึมโฟเลตโดยการเพิ่มค่า pH ในลำไส้เล็ก ในขณะเดียวกันเมื่อให้โฟเลตแก่ผู้ป่วย achlorydric (ไม่มีกรดในกระเพาะอาหาร) พร้อมกับอาหารเสริม HCL, การดูดซึมของวิตามินเพิ่มขึ้นร้อยละ 54
ทั้ง Tagamet และ Zantac ลดการดูดซึมโฟเลตในการศึกษาอื่น ๆ อีกมากมาย แม้ว่าการลด Zantac ไม่ได้มีนัยสำคัญทางสถิติ การลดการดูดซึมโดยรวมของโฟเลตเป็นร้อยละ 16 การลดลงนี้อาจจะไม่เพียงพอที่จะเป็นอันตรายต่อคนที่มีสุขภาพดี และบริโภคโฟเลตในระดับที่เพียงพอ แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในผู้ที่ขาดโฟเลตหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
แคลเซียม
แคลเซียมทำให้กระดูกและฟันของเราแข็งแรงและรับผิดชอบต่อระบบของร่างกายนับร้อย หากไม่นับหน้าที่อื่น ๆ ในร่างกายของเรานับพัน ความสำคัญของกรดในกระเพาะอาหารในการดูดซึมแคลเซียมเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 1960 เมื่อกลุ่มนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าผู้ป่วยที่มีแผลบางคนแทบจะไม่ดูดซับแคลเซียมใด ๆ เลย(ร้อยละ 2) เมื่อพวกเขาได้รับการตรวจสอบพบว่ามีค่า pH ในกระเพาะอาหารสูง (6.5) และกรดมีในกระเพาะอาหารน้อยมาก แต่เมื่อนักวิจัยได้ให้อาหารเสริม HCL เพื่อลดค่าพีเอชลงมาราว 1จุด พบว่าการดูดซึมแคลเซียมเพิ่มขึ้นห้าเท่า
สังกะสี
สังกะสีมีส่วนร่วมในกระบวนการเผาผลาญอาหารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเยื่อหุ้มเซลล์ที่ทำให้แข็งแรง สร้างกระดูกใหม่ ปกป้องภูมิคุ้มกัน การมองเห็นในตอนกลางคืนและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ในการทดลองหนึ่งที่ควบคุมการรักษา โดยใช้ Tagamet พบว่ามันลดการดูดซึมสังกะสีโดยประมาณร้อยละ 50 อีกการศึกษาหนึ่งพบว่า Pepcid ซึ่งลดกรดแล้วทำให้เกิดค่าความเป็นกรดด่างของกระเพาะอาหารมากกว่า 5 มีผลเช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะมีงานวิจัยเล็กๆไม่มากนักเกี่ยวกับการดูดซึมของสารอาหารอื่น ๆ แต่มีเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อได้ว่าระดับกรดที่ต่ำในกระเพาะอาหาร อาจมีผลในระดับของวิตามินเอ, วิตามินอี, วิตามินบี (วิตามินบี 1), riboflavin,(วิตามินบี 2) และไนอาซิน (วิตามินบี 3) ในทางทฤษฎี การดูดซึมของสารอาหารใด ๆ ที่ถูกผูกไว้กับโปรตีนจะถูกยับยั้งได้เช่นเดียวกัน
ด้วยรักและห่วงใย
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น