คำเตือน : มีทะลึ่ง ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่ควรอ่าน
ตอน มีบุตรยาก
เทคนิคการเพิ่มโอกาสการมีบุตร
--------------------------------------------------------------------------------
มาว่ากันถึงเรื่อง จังหวะเวลา / การปฏิบัติ / ความถี่ ที่จะทำให้มีโอกาสตั้งท้องได้สูงสุดกัน
--------------------------------------------------------------------------------
มาว่ากันถึงเรื่อง จังหวะเวลา / การปฏิบัติ / ความถี่ ที่จะทำให้มีโอกาสตั้งท้องได้สูงสุดกัน
ก่อนจะเริ่มตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ต้องมีสุขภาพที่ดีด้วย จึงควรไปพบคุณหมอ แล้วบอกคุณหมอไปตามตรงเลยนะว่าตอนนี้อยากมีลูกแล้ว คุณหมอจะให้คำแนะนำ แล้วก็ตรวจร่างกายคุณแม่ว่ามีอะไรผิดปกติ ที่สำคัญก็ต้องตรวจภายในเช็คมะเร็ง ปากมดลูก ตรวจดูปีกมดลูกว่ามีก้อนเนื้อหรือซีสต์อะไรผิดปกติหรือเปล่า หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็จะได้รีบรักษาให้หายเสียก่อน ดีกว่ามาเจอความผิดปกติ เอาตอนท้อง ซึ่งก็จะทำให้รักษายากเพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อเด็กในท้องอีกคนด้วย ที่สำคัญและลืมไม่ได้ก็คือ ต้องตรวจเลือดด้วย เพื่อหาโรคเอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน ตอนนี้ไว้ใจใครได้ง่าย ๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็พร้อมเต็มที่ ทุนทรัพย์พร้อม ร่างกายพร้อม มดลูกพร้อม สามีพร้อม ตอนนี้ก็ถึงภาคปฏิบัติทำให้
ท้องซะที
ท้องซะที
มูกไข่ตก…ช่วงนี้สำคัญเชียวล่ะ
เมื่อเราตั้งใจจะมีลูก ควรให้ความสนใจกับรอบเดือนของตนเองมาก ๆ หน่อย ต้องคอยจดไว้ว่าประจำเดือนมาเมื่อไหร่ หมดเมื่อไหร่ มาสม่ำเสมอดีหรือเปล่า ที่ต้องให้จด เพื่อจะได้รู้ว่าไข่จะตกเมื่อไหร่นั่นเองครับ
ในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาทุก 28 วัน ถ้านับว่าประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบ ไข่ก็จะตกในวันที่ 14 แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาทุก 30 วัน ไข่ก็จะตกในวันที่ 16 ของรอบ หรือประจำเดือนมาทุก 32 วัน ก็จะตกไข่ในวันที่ 18 ของรอบ คือเกิน 28 วันไปเท่าไรก็บวกกับวันที่ไข่ตกไปเท่านั้น ช่วงที่มีไข่ตกจะสังเกตว่ามีตกขาวเป็นมูกใส ๆ ลื่น ๆ เฉอะแฉะออกมาเยอะ อย่างนี้เรียกว่า "มูกไข่ตก" ถ้าลองใช้มือจับเอามูกนี้ติดมือออกมาก็จะพบว่ามันใส ลื่น แล้วก็สามารถจับยืดได้กว่า 10 เซนติเมตรโดยไม่ขาดจากกัน แตกต่างจากมูก ตอนช่วงอื่น ๆ ที่เหนียว ข้น แล้วก็ไม่สามารถจับยืดได้มากนัก ถ้าเจอมูกอย่างนี้จัดการได้เลยครับ แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาไม่ค่อยสม่ำเสมอเป็นปกตินัก บางทีก็ 30 วัน 35 วัน บางทีหายไป 2 เดือนเลยก็มี กรณีนี้การนับวันก็คงจะลำบากนิดหน่อย นอกจากการใช้วิธีสังเกตมูกไข่ตกช่วยด้วยแล้วอาจต้อง ใช้ชุดทดสอบหาวันไข่ตก ( LH Ovvlation test )ช่วยเสริมในช่วงที่มีไข่ตกนี้ บางคนก็อาจมีอาการปวดถ่วง ๆ ระบมในท้องน้อย ปวดร้าวออกไป ข้างหลัง อาการนี้ก็เกิดจากรังไข่เป่งบวม มีไข่ตกแตกทะลุออกมา บางทีก็มีเลือดไหล ซึมออกมาจากรังไข่ไปขังอยู่ในอุ้งเชิงกราน ก็ทำให้เกิดการปวดท้องน้อยได้ ผู้หญิงบางคนก็มีอาการนี้นาน ๆ ที บางคนก็เป็นบ่อย ส่วนมากแล้วอาการปวดท้องน้อยนี้ จะหายได้เองใน 1-2 วัน ผู้หญิงบางคนพอมีอาการระบมในท้องน้อยอย่างนี้ ก็ไม่อยากที่จะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้เลยไม่ท้องซะที
ในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาทุก 28 วัน ถ้านับว่าประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบ ไข่ก็จะตกในวันที่ 14 แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาทุก 30 วัน ไข่ก็จะตกในวันที่ 16 ของรอบ หรือประจำเดือนมาทุก 32 วัน ก็จะตกไข่ในวันที่ 18 ของรอบ คือเกิน 28 วันไปเท่าไรก็บวกกับวันที่ไข่ตกไปเท่านั้น ช่วงที่มีไข่ตกจะสังเกตว่ามีตกขาวเป็นมูกใส ๆ ลื่น ๆ เฉอะแฉะออกมาเยอะ อย่างนี้เรียกว่า "มูกไข่ตก" ถ้าลองใช้มือจับเอามูกนี้ติดมือออกมาก็จะพบว่ามันใส ลื่น แล้วก็สามารถจับยืดได้กว่า 10 เซนติเมตรโดยไม่ขาดจากกัน แตกต่างจากมูก ตอนช่วงอื่น ๆ ที่เหนียว ข้น แล้วก็ไม่สามารถจับยืดได้มากนัก ถ้าเจอมูกอย่างนี้จัดการได้เลยครับ แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาไม่ค่อยสม่ำเสมอเป็นปกตินัก บางทีก็ 30 วัน 35 วัน บางทีหายไป 2 เดือนเลยก็มี กรณีนี้การนับวันก็คงจะลำบากนิดหน่อย นอกจากการใช้วิธีสังเกตมูกไข่ตกช่วยด้วยแล้วอาจต้อง ใช้ชุดทดสอบหาวันไข่ตก ( LH Ovvlation test )ช่วยเสริมในช่วงที่มีไข่ตกนี้ บางคนก็อาจมีอาการปวดถ่วง ๆ ระบมในท้องน้อย ปวดร้าวออกไป ข้างหลัง อาการนี้ก็เกิดจากรังไข่เป่งบวม มีไข่ตกแตกทะลุออกมา บางทีก็มีเลือดไหล ซึมออกมาจากรังไข่ไปขังอยู่ในอุ้งเชิงกราน ก็ทำให้เกิดการปวดท้องน้อยได้ ผู้หญิงบางคนก็มีอาการนี้นาน ๆ ที บางคนก็เป็นบ่อย ส่วนมากแล้วอาการปวดท้องน้อยนี้ จะหายได้เองใน 1-2 วัน ผู้หญิงบางคนพอมีอาการระบมในท้องน้อยอย่างนี้ ก็ไม่อยากที่จะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้เลยไม่ท้องซะที
ยุ่งกันถี่…ใครว่าจะมีลูกง่าย ๆ
นอกจากนี้แล้วก็เป็นหน้าที่ของผู้ชายบางล่ะ ผู้ชายก็ต้องทำหน้าที่ของตัวให้ตรงช่วงกับที่มีไข่ตก แต่บางคนกลับขยันเกินไป ช่วงสัปดาห์ที่มีไข่ตกก็จัดการทำการบ้านทุกวัน วันละหลาย ๆ นัด เรียกว่าถล่มปูพรมกะให้ติดให้ได้ระบมอย่างนี้ไม่ได้เกิดจากไข่ตกนะครับ กลายเป็นยุ่งกันมากจนระบมมากกว่า สุดท้ายก็ไม่ติดครับ
การมีอะไรกันถี่มากเกินไปก็ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์น้อยลง หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ายิ่งยุ่งกันถี่ ๆ ยิ่งมีโอกาสท้องได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณผู้ชายรู้จักตัวอสุจิลูกหลานของคุณเองก็จะเข้าใจเองนะครับ ตัวอสุจิสร้างออกมาจากลูกอัณฑะทั้งสองข้าง โดยค่อย ๆ เติบโตจากตัวอ่อนเบบี้จนโตเต็มที่เป็นหนุ่มใหญ่วัยผสมพันธ์ใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ แก่ตัวลง หมดเรี่ยวหมดแรงไปในที่สุด ดังนั้นหากมีการปล่อยตัวอสุจิออกไปทำหน้าที่ถี่ ๆ ทุกวันทุกคืน ตัวอสุจิที่ออกไป ยังโตไม่ทันเป็นแค่ตัวอ่อนเบบี้ ยังทำ
อะไรไม่เป็นก็เหมือนเกณฑ์เด็กไปเป็นทหาร มันก็ไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหรอกครับ
อะไรไม่เป็นก็เหมือนเกณฑ์เด็กไปเป็นทหาร มันก็ไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหรอกครับ
ยุ่งกันบ่อย…แค่ไหนมีสิทธิ์ "ติดลูก"
อัตราการมีเพศสัมพันธ์ที่กำลังดีคือ วันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ซึ่งตัวอสุจิ ที่ปล่อยออกไปจะเป็นตัวที่โตเต็มที่แข็งแรงแหวกว่ายเข้าไปได้จนถึงปลายทาง ปกติแล้วตัวอสุจิจะใช้เวลาเดินทางแค่ไม่ถึง 5 นาที นับตั้งแต่ปล่อยออกมาเข้าไปใน ปากมดลูก ผ่านตัวมดลูก แล้วแบ่งกันวิ่งเลี้ยวเข้าไปในปีกมดลูก จนวิ่งเข้าไปเจอไข่ ที่ล่องลอยอยู่ในปีกมดลูก แต่มีแค่ตัวเดียวที่สามารถเจาะไข่แดงเข้าไปได้
จริง ๆ แล้ว ตัวอสุจิมันไม่รู้หรอกครับว่า ต้องวิ่งเข้าไปยังไง ตรงไป เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา ไม่มีป้ายคอยบอกทางไม่มีแผนที่ดูเอาไว้ก่อน แต่เพราะตัวอสุจิที่ปล่อยออกมา มีจำนวนมากมาย ปล่อยออกมาที่หนึ่งก็เป็นหลายร้อยล้านตัวแต่ละตัวต่างวิ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ บางตัววิ่งออกมาข้างนอก บางตัวก็วิ่งวนไปวนมา มีบางตัววิ่งเข้าไปในปากมดลูกได้สำเร็จ และมีแค่ประมาณ 5 พันตัวเท่านั้นเอง ที่สามารถวิ่งไปถึงไข่ แต่ก็มีหนึ่งในห้าพันนี้เท่านั้น ที่เจาะเข้าไปในไข่ เกิดการปฏิสนธิได้สำเร็จ
จริง ๆ แล้ว ตัวอสุจิมันไม่รู้หรอกครับว่า ต้องวิ่งเข้าไปยังไง ตรงไป เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา ไม่มีป้ายคอยบอกทางไม่มีแผนที่ดูเอาไว้ก่อน แต่เพราะตัวอสุจิที่ปล่อยออกมา มีจำนวนมากมาย ปล่อยออกมาที่หนึ่งก็เป็นหลายร้อยล้านตัวแต่ละตัวต่างวิ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ บางตัววิ่งออกมาข้างนอก บางตัวก็วิ่งวนไปวนมา มีบางตัววิ่งเข้าไปในปากมดลูกได้สำเร็จ และมีแค่ประมาณ 5 พันตัวเท่านั้นเอง ที่สามารถวิ่งไปถึงไข่ แต่ก็มีหนึ่งในห้าพันนี้เท่านั้น ที่เจาะเข้าไปในไข่ เกิดการปฏิสนธิได้สำเร็จ
ผู้หญิงบางคนพอมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ก็รีบล้างออกทันทีจนหมด ถ้าอยากมีลูกไม่ควรล้างออกนะครับให้นอนหงายนิ่ง ๆ อย่างน้อย 5 นาที เพื่อไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาข้างนอกหมดเสียก่อน ถ้าอยากมีลูกแล้ว น้ำอสุจิมีค่าทุกหยาดหยดเลยนะครับ
น้ำอสุจิของผู้ชายเราไม่ใช่เป็นของที่สกปรก แต่ที่จริงแล้วมันสะอาดปราศจากเชื้อโรค ใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นในกรณีที่ผู้ชายคนนั้นเป็นกามโรคนะครับ ดังนั้นหากมันตกค้าง อยู่ภายในช่องคลอดชั่วข้ามคืนก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียใดๆตามมาหรอกครับ
ตรวจรับผลงาน
คราวนี้ก็ต้องรอดูผลงาน เมื่อถึงครบกำหนดที่ต้องมีประจำเดือนมา แต่กลับเงียบจ้อย หายไปเฉย ๆ ก็ส่อแววว่าจะตั้งครรภ์แล้ว ก็ให้ตรวจครรภ์ด้วยตนเองก่อน หาซื้ออุปกรณ์สำหรับตรวจได้จากร้านขายยาทั่วไป
ปัสสาวะที่ใช้ตรวจก็ควรเป็น ปัสสาวะในตอนเช้า เพราะว่ามันจะมีปริมาณฮอร์โมนออกมาค่อนข้างเยอะ ตรวจเจอง่ายกว่า สายๆ บ่าย ๆ กินโน่นกินนี่ ปัสสาวะอาจจะเจือจางลงแล้ว ตรวจไม่เจอก็ได้ ถ้าตรวจครรภ์แล้วปรากฏว่า "ท้อง" ก็ถือว่าสำเร็จตามหลักสูตร แล้วตั้งชื่อลูกว่า ผึ้งด้วยนะ ชื่อนี้ ใจดี เรียนเก่ง ขยัน กตัญญู
มี พรหมวิหาร 4 เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข กรุณา ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี อุเบกขา การรู้จักวางเฉย อันนี้เป็นธรรมของพรหม มีไว้ทุกคน ชาติเจริญ
มี พรหมวิหาร 4 เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข กรุณา ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี อุเบกขา การรู้จักวางเฉย อันนี้เป็นธรรมของพรหม มีไว้ทุกคน ชาติเจริญ
ถ้าตรวจดูแล้ว "ไม่ท้อง" ให้รออีกหน่อยรออีก 7 วัน ประจำเดือนยังไม่มา ก็ให้ตรวจปัสสาวะซ้ำอีกครั้ง บางคนมาตรวจเจอเอาครั้งหลังก็มีเหมือนกัน ต้องลุ้นกันหน่อยครับ
ถ้าอย่างนี้ก็มีลูกง่าย
ข้อมูลตรงนี้อาจช่วยให้แผนการมีลูกประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
- โอกาสที่จะเกิดลูกได้ง่ายที่สุดคือช่วง 6-12 ชั่วโมงหลังการตกไข่ รู้ว่าตกไข่เมื่อไร อย่ารอช้านะครับจัดสักดอก สองดอก
เทคนิคการเพิ่มโอกาสมีบุตรสำหรับผู้หญิง
สาระสำคัญคงเหมือนกับผู้ชาย แต่จะเพิ่มความแตกต่างนิดหนึ่งตรงที่
1. ต้องสามารถทำนายได้ว่า ไข่จะตกตอนไหน จะได้กะวันที่จะต้องมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำถูกต้อง รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของ phyto-estrogen เช่น ตังกุย น้ำมะพร้าว เป็นต้น หรือใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้า น้ำยาขัดเบาะหนัง ก็ออกฤทธิ์ เหมือน estrogen เพื่อปรับฮอร์โมนให้ปกติ
2. ถ้าปรับด้วยยาโภชนาการไม่ได้ผล โดยประจำเดือนยังไม่มาหรือมาไม่ปกติ ให้ท่านไปหาอาหารเสริมปรับให้ประจำเดือนมาทุกเดือน อย่างน้อย 2 เดือนเพื่อให้ร่างกายมีระดับของฮอร์โมนในเลือดก่อน ค่อยวางแผนมีบุตรครับ (วิธีการเลือกชนิดอาหารเสริมที่เหมาะสมพิจารณาจาก เจ้าของบริษัทว่าเป็นผู้มีความรู้เรื่องสารอาหารที่มีชื่อเสียงหรือเปล่า ฝ่ายวิชาการรักษาผู้ป่วยด้วยอาหารหรือเปล่า อันนี้หาข้อมูลได้ไม่ยาก แต่ถ้าอยากเอายาใส่ตัว ก็หาซื้อยาคุมกำเนิดมาใส่ตัวเล่น ๆ ให้เหมาะสมกับ น้ำหนักตัว ส่วนสูง ลักษณะของร่างกาย เช่น ขนดก หน้ามัน ศีรษะล้าน เป็นต้น ระยะเวลาที่มีประจำเดือน เวลาทั้งหมดของรอบเดือน 1 รอบ ง่ายๆ คือปรึกษากับเภสัชกรวิชาชีพ หรือหมอที่เข้าใจคุณ เน้นว่าเภสัชกรวิชาชีพและหมอที่มีความรู้เรื่องนี้ดีด้วยนะ วิธีดูว่าเค้ารู้จริงหรือเปล่า ให้ถามเค้าว่า ทำไมกินยาคุมแล้วอ้วน ถ้าเค้าบอกว่า "เป็นเพราะบวมน้ำ ร่างกายมีการสะสมเกลือโซเดียม เกลือมีคุณสมบัติในการดึงน้ำ" นั่นแหละครับ เค้ารู้จริงก็ปรึกษาเรื่องทานยาคุมตัวไหนดี ถ้าตอบไปอย่างอื่น แถไปข้างๆ คูๆ ก็เดินหนีได้เลยครับ หรืออีกอย่างเวลาที่ซื้อยาก็ให้ถามเค้าว่า เค้าเป็นเภสัชกรป่าว ถ้าเค้าตอบว่าไม่ใช่ ก็เดินออกเลยครับ
2. หัดสังเกตตัวเอง ถ้าช่วงไข่ตก ร่างกายจะสร้างเมือกขาวๆ หรือเกิดตกขาวและลักษณะของตกขาวแบบนี้จะเป็นตกขาวไม่มีสี ไม่คันไม่แสบไม่มีฟอง เป็นเมือกใสๆลื่นๆ โดยเมื่อนำน้ำเมือกหรือตกขาว มาดึงยืดออกสามารถยืดได้ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร เห็นลักษณะนี้ จัดไปอย่างน้อย 1 ดอกเลยครับ ซ้ำอีกครั้งในวันพรุ่งอีกครั้งครับ
3. ในช่วงไข่ตก (ใกล้ๆกลางรอบเดือน ประมาณวันที่ 12-17 ของทุก 28-30 วัน) อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส (ถ้าผู้หญิงหัดสังเกตตัวเอง จะรู้ว่าวันไหนไข่ตก เพราะร่างกายจะอุ่นขึ้นและครั่นเนื้อครั่นตัวได้บ้างเล็กน้อย)
ลงทุนซื้ออาหารเสริมพวกนี้มาทานนะครับ ก่อนอื่นมาดูซิว่า ควรได้รับปริมาณสารอาหารต่างๆ เท่าไหร่ดี
เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก การได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อไปนี้ จึงต้องทำเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้พร้อมต่อการเจริญพันธุ์ มาดูกันซิครับว่า มีอะไรต้องรับประทานกันบ้าง.....ตามมาครับ..!!!!
ลงทุนซื้ออาหารเสริมพวกนี้มาทานนะครับ ก่อนอื่นมาดูซิว่า ควรได้รับปริมาณสารอาหารต่างๆ เท่าไหร่ดี
เพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก การได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อไปนี้ จึงต้องทำเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้พร้อมต่อการเจริญพันธุ์ มาดูกันซิครับว่า มีอะไรต้องรับประทานกันบ้าง.....ตามมาครับ..!!!!
1. ที่ขาดไม่ได้เลยคือ แร่ธาตุสังกะสี ( zinc) ต้องรับประทานวันละ 30 - 60 มิลลิกรัม ซึ่งถ้ารับประทานสังกะสีทุกวัน อาจทำให้ร่างกายขาดธาตุทองแดง ซึ่งสามารถรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุทองแดง เช่น ตับ ไต ไข่แดง หอยนางรม ถั่ว แป้ง กล้วย ซึ่งผมแนะนำให้ทานกล้วยดีที่สุดครับ เพราะเป็นผลไม้ที่ให้ โพแทสเซียมสูงด้วย ดีต่อหัวใจและอวัยวะต่างๆ ครับ (รับประทานวันละ 2 ถึง 4 เม็ด)
2. วิตามินอี (Vitamin E) ต้องรับประทานวันละ 400 ถึง 800 IU ขนาดดูเหมือนเยอะนะครับ แต่เริ่มต้นที่วันละ 400 IU ก็น่าจะเหมาะครับ (รับประทานวันละ 1 ถึง 2 เม็ด)
3. อาร์จินีน (arginine) หรือ CoQ 10 สามารถเพิ่มจำนวนเชื้ออสุจิและเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ
4. โฟลิก แอซิด (folic acid) ควรได้รับวันละ 5 มิลลิกรัม ต่อวัน
5. วิตามินบี6 (Pyridoxine) ควรได้รับวันละ 50 ถึง 150 มิลิกรัมต่อวัน โดยทั่วไป ร่างกายต้องการวิตามินบี 6 เพียงวันละ 1.8-2.2 มิลลิกรัมต่อวัน แต่คนที่มีบุตรยากต้องการมากกว่าปกติหลายเท่า วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของโปรตีนในร่างกาย พบมากในอาหารที่ให้โปรตีน ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ตับสัตว์ ไข่ และนม เป็นต้น คนไทยมักไม่ขาดวิตามินชนิดนี้ ยกเว้นในคนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีการใช้ยารักษาวัณโรค ยาที่มีการทำลายสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
4. โฟลิก แอซิด (folic acid) ควรได้รับวันละ 5 มิลลิกรัม ต่อวัน
5. วิตามินบี6 (Pyridoxine) ควรได้รับวันละ 50 ถึง 150 มิลิกรัมต่อวัน โดยทั่วไป ร่างกายต้องการวิตามินบี 6 เพียงวันละ 1.8-2.2 มิลลิกรัมต่อวัน แต่คนที่มีบุตรยากต้องการมากกว่าปกติหลายเท่า วิตามินชนิดนี้มีหน้าที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของโปรตีนในร่างกาย พบมากในอาหารที่ให้โปรตีน ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ตับสัตว์ ไข่ และนม เป็นต้น คนไทยมักไม่ขาดวิตามินชนิดนี้ ยกเว้นในคนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีการใช้ยารักษาวัณโรค ยาที่มีการทำลายสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
6. โคลีน (Choline) เราได้รับสารอาหารตัวนี้จากพืชผักที่ได้เสนอไปแล้ว หรือรับประทานเลซิติน (lecithin) ไข่แดง ตับ ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก โดยเลซิติน จะให้ ฟอสฟาทิดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) เป็น ซึ่งสารนี้จะให้วิตามินบีชนิดหนึ่ง เรียกว่า โคลีน ครับ ซึ่งควรได้รับเลซิตินวันละ 1200 ถึง 3600 มิลิกรัมต่อวัน (เที่ยบเท่าโคลีน 23.5 ถึง 70.5 มิลลิกรัม)
เทคนิคการเพิ่มโอกาสมีบุตรสำหรับผู้ชาย
เทคนิคการเพิ่มโอกาสมีบุตรสำหรับผู้ชาย
การเพิ่มโอกาสในการมีบุตรฝ่ายชายจะต้องปฏิบัติดังนี้ครับ
1. หากเป็นคนติดเหล้า บุหรี่ ต้องเลิกทันที ถ้าเลิกไม่ได้ ไม่ต้องมาคุยกันเลย และก็ไม่ต้องมีลูกเลยครับ เพราะบุหรี่ลดภาวะการมีบุตรประมาณ 30 เปอร์เซนต์
2. พักผ่อนให้เพียงพอ คือนาน 6-8 ชั่วโมง กินน้ำมากๆ วันละ 1.5-2 ลิตร ทุกวัน
3. มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาทุก 2-3 วัน เลือกเวลาเอาเองครับและควรสอดให้ลึกที่สุดเมื่อถึงจุดสุดยอด และซอยถี่ๆ ไปเรื่อยๆเพื่อรีดเอาน้ำกามออกมาเยอะๆ จนกระทั่งท่านหมดความเสียว จากนั้นแช่ทิ้งไว้จนอวัยวะเพศอ่อนตัว ใช้เวลาราวๆ 3-5 นาที
4. เวลาที่มีเพศสัมพันธ์ จำเป็นต้อง ถึงจุดสุดยอดพร้อมกับภรรยาทุกครั้ง เพราะขณะที่ถึงจุดสุดยอด ฝ่ายหญิงจะเกิดแรงสูบ (vaccuum pressure) เอาน้ำกามเข้าไปและ เมือกที่อยู่ในช่องคลอดจะให้ความเหลวสูงสุด เพิ่มโอกาสมีบุตรได้สูง
5. ไม่รับประทานขึ้นช่าย เพราะทำให้เป็นหมันชั่วคราว (ลดปริมาณเชื้ออสุจิ)
6. รับประทานอาหารที่มี zinc หรือกิน Co Q 10(ขนาดที่เหมาะสมคือ เวลาที่กินไปแล้ว จะมีน้ำกามข้นเหนียวมากๆ ก็เพียงพอแล้ว)
7. รับประทานอาหารที่มี choline สูง
8. รับประทานอาหารที่มี่ Arginineสูง
9. รับประทานอาหารที่มี folate สูง
10. รับประทานอาหารที่มีวิตามิน B โดยเฉพาะ B6 สูง
11.รับประทานอาหารที่มีกรด ไลโนเลอิก
9. รับประทานอาหารที่มี folate สูง
10. รับประทานอาหารที่มีวิตามิน B โดยเฉพาะ B6 สูง
11.รับประทานอาหารที่มีกรด ไลโนเลอิก
12.อย่าท้อแท้ ไม่ต้องไปฟังหมอหรือใครก็ตามที่บอกบอกว่าคุณเป็นหมัน หรือมีลูกไม่ได้ สมดุลในร่างกายคุณเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณครับ
ผมคงได้ยินข่าวดีจากใครสักคนบ้างในไม่ช้านี้ และนั่น ก็คือความสุขของผมที่ไม่น้อยไปกว่าคุณ
ก่อนลา ก็ขอให้ทุกท่านจงมีสุขภาพดีกันทุก ๆ คนครับ สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น