วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยากั้น Beta-blockers (ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจล้มเหลว)

30 Oct 2015
ถ้าพอจะจำกรณี พาราเซ็ตตามอล 2 เม็ดทุก 4 ชั่วโมงในอดีตที่จ่ายให้แก่ผู้ป่วย แล้วหลังจากนั้น ก็ปรับลงมาเป็น 1 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมงเพราะมันเป็นอันตรายต่อตับ กันได้นะ
!!!! อ่าน สิ่งต่อไปนี้ ให้ดี ๆ ก่อนจะสายเกินไปครับ !!!!!
คนส่วนใหญ่คิดว่าความสมบูรณ์แบบทางวิทยาศาสตร์มั่นใจได้ คิดว่ามีการป้องกันตามวิธีการที่ถูกต้อง และได้ป้องกันการวิจัยที่หลอกลวงในการทำร้ายผู้ป่วยไว้เป็นอย่างดี
แต่น่าเสียดายที่ วิธีคิดและการกระทำที่ผิดทางวิทยาศาสตร์ได้กลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากและกระจายปัญหาซึ่งคุกคามกระบวนทัศน์พื้นฐานทั้งหมดทางวิทยาศาสตร์การแพทย์-เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลง
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ มีรายงานการประเมินความชุกของการฉ้อฉลทางวิทยาศาสตร์และ / หรือผลกระทบ ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์จะเลวร้ายและเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ ในระยะสั้นเราได้สูญเสียความสมบูรณ์ทางวิทยาศาสตร์และเมื่อขาดความสมบูรณ์ "วิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็เป็นแต่เพียงเรื่องที่ไร้แก่นสาร"
ความขัดแย้งก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่แพร่หลายในวงการวิจัยและบทความที่โดดเด่นก็ได้นำเสนอทั้งข้อดีและข้อเสีย
ยากั้น Beta-blockers เป็นยาที่ใช้กันทั่วไปในการรักษาความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจล้มเหลว พวกมันทำงานโดยการปิดกั้น สารสื่อประสาท norepinephrine และ epinephrine (อะดรีนาลิน) จากการจับกับตัวรับเบต้า ดังนั้นจึงขยายหลอดเลือดซึ่งจะช่วยลดอัตราการเต้นหัวใจและความดันโลหิตของคุณ
จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆนี้ สมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรป (ESC) ก็ได้ออกมาแนะนำการใช้ beta-blockers ในผู้ป่วยที่ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ
บทความล่าสุดใน Forbes Magazine (1) ได้เน้นว่า “วิธีการทางการแพทย์บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์อาจมีผลในการตายของผู้ป่วยหลายร้อยหลายพันคนในเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอย่างไร”
"ในฤดูร้อนที่ผ่านมา นักวิจัยชาวอังกฤษได้กระตุ้นความกังวลนี้ขึ้น เมื่อพวกเขาตีพิมพ์เนื้อหาที่เพิ่มความเป็นไปได้ว่า แพทย์ของสหราชอาณาจักรอาจเป็นเหตุแห่งการเสียชีวิตถึง 10,000 คนในแต่ละปี( 2)
" Larry Husten, editorial director of WebMD professional news
"ตอนนี้พวกเขาได้ดำเนินขั้นตอนต่อไปและเผยแพร่ประมาณการว่าแนวทางเดียวกันในการรักษานี้อาจจะนำไปสู่การเสียชีวิตมากถึง 800,000 คนในยุโรปในช่วงห้าปีที่ผ่านมา (3)...
800,000 ชีวิตเทียบเคียงได้กับกรณีที่เลวร้ายที่สุดของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการฆาตกรรมหมู่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา. "
แนวทางการรักษาที่ขาดงานวิจัยอาจเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตถึง 800,000 คน
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในแบบออนไลน์ของ European Heart Journal,(4 )เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงอันตรายของการแพทย์แผนปัจจุบันและทำไมความรุนแรงทางวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นจะต้องมีการสถาปนาเป็นบรรทัดฐาน “อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ความไม่เพียงพอ ความไม่เหมาะสมทางวิทยาศาสตร์โดยนักวิจัยทางการแพทย์มีผลต่อคนจริง ต่อชีวิตจริงๆของผู้คน และมันอาจจะมีผลต่อคุณ” By Dr. Mercola
เมื่อการวิจัยที่บกพร่องถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานสำหรับแนวทางการแพทย์..คนที่ไม่ควรตาย ก็ต้องมาตาย ...ทั้งหมด ทั้งมวล มันอยู่ในนามของการเพิ่มผลกำไรให้กับ บริษัท ผลิตยาโดยประมาทและละทิ้งความห่วงใย ใส่ใจ ต่อการบาดเจ็บและล้มตาย
กลับมาที่งานวิจัยโดย Don Poldermans,(5) นักวิจัยโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ที่ต่อสู้กับการกระทำผิดทางวิทยาศาสตร์ในปี 2011 นี่เป็นบางส่วนของหลักฐานที่แข็งแกร่งสำหรับ European Society of Cardiology's (ESC) กับแนวทางในการใช้ beta-blocker ในผู้ป่วย ที่ไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ
มาทำความเข้าใจและชั่งน้ำหนักความเสี่ยงและผลประโยชน์ ...กันนะครับ
ในขณะที่บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่า beta blockers ช่วยชีวิตแต่ ก็มีอีกหลายงานวิจัยพบว่าพวกมัน ฆ่าผู้คน.. แล้วมันคืออะไร?
ปรากฎว่าทั้งสองอาจจะเป็นความจริง - ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ก็คือว่ามันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีโรคหัวใจที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือไม่
ถ้าคุณมีโรคหัวใจที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตก็ดูเหมือนว่า beta blockers จะเป็นประโยชน์เมื่อคุณต้องได้รับการผ่าตัด แต่ถ้าไม่.. มันดูเหมือนจะเป็นอันตรายหรือแม้กระทั่ง...มันฆ่าคุณ
คนที่ได้รับ beta blockers อยู่แล้วสำหรับภาวะหัวใจที่ร้ายแรง
คนที่จะได้ beta blockers ก่อนการผ่าตัดแม้ว่าความเสี่ยงของพวกเขามีเพียงเล็กน้อย
งานวิจัยชิ้นนี้(9)โต้แย้งการใช้ beta blockers ก่อนการผ่าตัดและแสดงให้เห็นว่าคนที่มีความเสี่ยงต่อการตายสูงสุดจาก beta blockers ไม่ใช่คนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจสูงสุด นั่นหมายความว่า : Beta blockers อาจจะช่วยผู้ที่มีเงื่อนไขที่รุนแรงมากที่สุดในขณะที่ทำร้ายผู้ที่มีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือไม่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ(10)
ดังนั้น มันเป็นเรื่องจริงที่ต้องชั่งน้ำหนักในส่วนของ อัตราส่วน
ความเสี่ยง / ประโยชน์ ผลข้างเคียงของยาด้วยตัวของมันเองก็มากพอที่จะสร้างสิ่งที่ไม่คาดคิดให้กับตัวคุณได้
คุณธรรมของเรื่องนี้คือ ผู้ป่วยควรที่จะผลักดันให้แพทย์ได้มองเห็นความจำเป็นที่ชัดเจนจริง ๆ ก่อนที่จะกำหนดให้ใช้ beta blockers หรือยาอื่น ๆ
ในกรณีนี้ ปรากฏว่าเกือบหนึ่งล้านคนในยุโรปที่มีความจำเป็นน้อยหรือไม่มีเลยต่อการรับยา แต่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งชีวิตประจำและมีค่าใช่จ่ายไปตลอดชีวิต
อยากให้อ่านแล้วคิด ..เพราะ อย่างที่ผมเคยยืนยันว่า ยา มันก็ "สารเคมี"ครับ
ด้วยรัก และ ห่วงใย
สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น