วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ธรรมชาติบำบัด

11 Sep 2014

ขอปรับความเข้าใจ (หมอนอกกะลา)
ด้วยความเชื่อที่ว่าร่างกายมนุษย์ สุดแสนจะมหัศจรรย์
แต่มนุษย์ที่ยืมร่างกายจากธรรมชาติมาใช้ ไม่เข้าใจร่างกายเลย
ขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อน ๆครับ เนื่องจากมีหลายท่านขอคำปรึกษามาตลอดเวลาและถามว่าต้องทานยาอะไรจึงหายจากโรคที่เป็นอยู่ ผมเลยขออธิบายสิ่งที่ผมเชื่อ และใช้บำบัดโรคอยู่ครับและถ้าเราๆท่านๆ มีอายุไปอีกสัก 20 ปี ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ผมเชื่อกลายเป็นวิธีการที่วงการแพทย์ให้การยอมรับทั่วโลกเลยทีเดียวครับ
ธรรมชาติบำบัด
โดย : Mr.Jacob Vadakkanchary
ธรรมชาติบำบัด คือ การดูแลรักษา กาย ใจ โดยขบวนการธรรมชาติ ตั้งอยู่บนหลักว่าโรคทุกชนิด ทั้งร่างกายและจิตใจของคนเรา สามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลปกติ โรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ และ รับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ หรือ รับประทานยาหรือฉีดยาที่ทำจากสารเคมี สารเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในร่างกายมาก หรือการใช้ชีวิตที่เครียดเกินไป หักโหมเกินไป กังวลเกินไป ออกกำลังกายไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนเราจะเน้น เรื่องอาหาร การรับประทานอาหารที่ดีก็จะทำให้มีสุขภาพดี สุขภาพของคนขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมของการรับประทานอาหาร และแบคทีเรียไม่มีผลทำให้เกิดโรคต่อร่างกาย การเจ็บป่วยของคนล้วนเกิดจากอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนที่คนเรารับประทานเข้าไป
ขบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย มี 4 ทาง คือ ทางจมูก ทางเหงื่อ ทางปัสสาวะ และ ทางอุจจาระ (ผมโพสต์ไว้แล้วสองตอน อ่านกันดูครับ) คนเราควรหมั่นหายใจลึกๆ จะได้อากาศบริสุทธิ์เข้าไปในปอด เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย และควรตากแสงแดดอ่อนๆ ทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น เพื่อดูดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีดูแลรักษาสุขภาพอย่างง่ายๆ ที่คนทั่วไปสามารถปฏิบัติได้ ในเวลาที่คนมีอาการเจ็บป่วยร่างกายจะเสียสมดุล ถ้าจะแก้ไขให้สมดุลก็ต้องปรับสภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
ร่างกายมีกลไกกำจัดสารพิษอยู่ในตัวเอง เช่น เวลาไอ จาม หรือ มีผื่น วิชาธรรมชาติบำบัด อธิบายว่าไม่ใช่อาการป่วยเป็นโรค แต่ร่างกายกำลังทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติ เวลามีสารพิษเข้าไปในปอด ร่างกายก็จะจาม การจามแรงๆเป็นการขับพิษออกจากร่างกาย ซึ่งธรรมชาติก็ช่วยขับพิษอยู่แล้ว การรับประทานยาแก้ไอ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษออกมาได้ การที่เราเป็นไข้ก็เป็นขบวนการทำลายเชื้อโรค เมื่อมีอาการเจ็บคอ อาการไอ ก็ให้ใช้วิธีธรรมชาติบำบัด เวลามีอาการท้องเสีย วิชาธรรมชาติบำบัดอธิบายว่า เป็นการทำความสะอาดของร่างกายครั้งใหญ่ การถ่ายให้หมดจะช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย แต่คนเราไม่เข้าใจธรรมชาติ นึกว่าท้องเสียเป็นอาการของโรค ก็เลยไปซื้อยามารับประทานให้หยุดถ่าย อาการท้องเสียหยุดทันที ทำให้อาหารปนเปื้อนสารพิษที่รับประทานเข้าไป ซึ่งร่างกายต้องการขับออก แต่เราไปรับประทานยาให้หยุดถ่าย ทำให้ร่างกายกักสารพิษเอาไว้ ซึ่งไม่ถูกต้อง วิธีที่ถูกต้องคืออย่าไปรับประทานยาให้หยุดถ่าย ถ้าเรารับประทานยาให้หยุดถ่าย พิษต่างๆก็จะซึมเข้าสู่ร่างกาย หากซึมผ่านเส้นเลือดไปที่ผิวหนังก็จะเป็นผื่น ซึมไปที่ไตก็จะเป็นโรคไต ซึมไปที่ระบบหายใจก็จะเป็นหืดหอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ต้องใช้ธรรมชาติบำบัดให้ขับพิษออกให้หมดถ้ามีอาการนี้ แนะนำให้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ไม่แนะนำให้อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ในช่วงที่มีอาการป่วย
ในกรณีคนที่ปวดศีรษะเนื่องจากเป็นเนื้องอกที่สมอง จริงๆแล้วกลไกของร่างกายต้องการให้หยุดทำงาน หากรับประทานยาแก้ปวดศีรษะ อาการปวดบรรเทาก็ยังคงทำงานต่อไปได้ เนื้องอกก็จะลุกลามต่อไป จึงควรที่จะรักษาโดยธรรมชาติบำบัด (Health Life Style) การรับประทานยาต่างๆ เช่น Brufen, Paracetamol, Penicillin, Tetracycline ซึ่งจะมีพิษต่อตับ และไต ยาจะให้ผลดีในระยะสั้น แต่จะเกิดผลเสียในระยะยาว
Jacob กล่าวว่า หากคนเราดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่รับประทานยา เพราะยาไม่เพียงแต่ ฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังทำลายภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ยาแผนปัจจุบันแม้จะช่วยยับยั้งอาการปวดหรืออาการไข้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการกดอาการ ไม่ได้เป็นการรักษาให้หายขาด การรักษาอยู่ที่ตัวของเราเองที่หันมารักษาตามแนวทางธรรมชาติบำบัด วิชาธรรมชาติบำบัดขนานแท้ไม่ใช่หมอบำบัดคน หมอเป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำปรึกษา จากนั้นผู้ป่วยจะเป็นผู้บำบัดเอง วิชาธรรมชาติบำบัดเปรียบเปรยให้เห็นว่า ห้องครัวก็คือโรงพยาบาล คนที่ทำอาหารก็เหมือนหมอในบ้าน จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยหรือสุขภาพดี ก็ขึ้นอยู่กับคุณหมอคนนี้
และสำหรับผม หลักการบำบัด คือ ให้คุณเข้าใจเหตุ แล้ว ระงับเหตุ แก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่ในร่างกาย และใส่สิ่งดีๆที่ร่างกายต้องการ และเมื่อได้สมดุล ทุกอย่างก็กลับไปสู่ภาวะปกติด้วยความมหัศจรรย์ของร่างกายและตัวคุณเอง
ก่อนลาก็ขอให้ทุกท่านดูแลสิ่งที่ท่านยืมธรรมชาติมาใช้กันให้ดี ๆ นะครับ แคคุณไม่ใส่อะไรลงไปทำลาย ก็พอแล้วครับ สวัสดีครับ
ประวัติ นาย จาคอบ วาทักกันเชรี
ท่านศึกษาปรัชญาแนวคิดของคานธีที่ สมบูรณกานติ เทสาย โยคะที่ สำนักศิวานันทะ ใกล้เชิงเขาหิมาลัย และ การรักษาแบบธรรมชาติบำบัด (Diploma in Natural Cure) All India Nature Cure Federation, Delhi ท่านสนใจการดำรงชีวิตแบบสัตยาเคราะห์ คือ แบบคานธี เป็นผู้ที่รณรงค์ต่อต้านการจำหน่ายสุราต่างประเทศในประเทศอินเดีย ด้วยการเชิญชวนผู้มีอุดมการณ์เดียวกันไปนั่งหน้าร้านจำหน่ายสุราต่างประเทศเหล่านี้ไม่ให้คนเดินเข้ามาซื้อ จึงถูกจับจำคุก 2-3 ครั้ง ท่านได้จัดตั้ง ศูนย์ธรรมชาติบำบัด นวชีวัน เมืองอารัวอนาคูลัม รัฐเคราลา ตอนใต้ของอินเดีย ปัจจุบันมี 4 แห่ง
ที่มา : การบรรยาย เรื่อง "ธรรมชาติบำบัด"
โดย Mr.Jacob Vadakkanchary
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2546 เวลา 13.00–16.00 น.
ณ ห้องประชุมเบญจกุล สถาบันการแพทย์แผนไทย
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น