นี่เป็นผลตรวจร่างกายของคุณพ่อของเพื่อนท่านหนึ่งในเฟสบุ๊คครับ ผมขออนุญาตเธอแล้ว และให้คำปรึกษาไปแล้ว และอยากให้เรา ๆ ท่าน ๆ มีความรู้พื้นฐานในการแปลผลการตรวจสุขภาพอย่างง่ายของตัวเองและคนที่เรารักบ้าง ....ตามมาครับ
มาทีละตัวกันเลย...
มาทีละตัวกันเลย...
- Glucose (NaF) คือค่า น้ำตาลในเลือด ที่ใช้ Sodium fluoride (NaF) ซึ่งเป็นสารกันเลือดแข็งใช้สำหรับตรวจหา Glucose และ Lactate ....ผลของท่านนี้ ออกมาดี เพราะค่ายังไม่ปริ่มมากนัก
- BUN (Blood Urea Nitrogen) การตรวจค่า BUN เป็นการวัดปริมาณไนโตรเจนที่พบในกระแสเลือด โดยปกติร่างกายจะย่อยสลายโปรตีนที่ตับ (liver) และจะนำของเสียดังกล่าวนี้ไปกำจัดผ่านไต (renal) เพื่อออกเป็นปัสสาวะต่อไป ซึ่งสารของเสียนี้เรียกว่า ยูเรีย (urea) ซึ่งส่วนประกอบของยูเรีย คือไนโตรเจน ดังนั้นหากไตไม่สามารถกำจัดของเสีย หรือยูเรียได้ จะทำให้พบปริมาณไนโตรเจนในเลือดมีปริมาณสูงขึ้น นอกจากนั้นหากร่างกายมีปริมาณไนโตรเจนสูงอาจเนื่องมาจาก การขาดน้ำ มีภาวะโรคหัวใจล้มเหลว หรือได้รับอาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูง.....ของท่านนี้ ค่าเกินมาตรฐานไป 7.3 ก็แสดงว่า มีภาวะไตเสื่อมแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าระยะไหน ต้องดูตัวต่อไปคือ
- Creatinine เป็นของเสียที่เกิดจากกล้ามเนื้อ สาร Creatinine จะเกิดขึ้นทุกวัน และมีค่าคงที่ คือมีในปริมาณเท่าๆกันทุกวัน ในแต่ละคน ซึ่งสารนี้จะถูกขับออกจากร่างกายผ่านไต แต่หากไตทำงานผิดปกติ หรือไตเสื่อมด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม การกำจัดสาร Creatinine จะลดลง สารนี้จะถูกกรองที่ไตและขับออกทางปัสสาวะ ดังนั้นหากค่านี้สูงก็หมายถึงการทำงานของไตลดลง ....ผลของท่านนี้ เกินมา 0.86 ก็ถือได้ว่าไตเสื่อมแล้ว แต่จะมากจะน้อย มาดูค่าที่เกิดจากการคำนวณอีกตัวหนึ่ง ที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยหันมาใช้ตัวนี้เป็นหลักแล้วครับ นั่นคือ....
- eGFR (glomerular filtration rate) ส่วนเจ้าตัว e นั้นเป็นตัวแทนของคำว่า "ได้จากการคำนวณ" สรุป eGFR ก็คือ อัตราที่เลือดไหลผ่านตัวกรองของไตเป็นหน่วย ซีซี ต่อนาที ซึ่งได้จากการคำนวณตามสูตร ...แล้วในคนปกติ ค่าควรเป็นเท่าไหร่ ก็มิบอก ผมบอกให้ก็ได้ มันควรเท่ากับหรือมากกว่า 125 ซีซีต่อนาที ..ของท่านนี้ ค่ายอยู่ที่ 32.25 นั่นหมายถึง เป็นโรคไตเรื้อรังสมบูรณ์แบบในระยะที่ 3 และ ระยะที่ 4 กำลังจะตามมาเพราะเมื่อค่าต่ำกว่า 30 ก็ได้ระยะสี่แล้วครับ
- Uric acid เป็นผลจากขบวนการสลายสารพิวรีนในร่างกายซึ่งสารพิวรินเกิดจากการสลายโปรตีนของร่างกาย..ของท่านนี้ค่าเกินมา 2.7 ก็เป็นผลมาจากรักษาไตไม่หายซ๊ากกกที่เลยขับยูริคไม่ได้ ไม่นานก็จะมีก้อนยูเรตตามข้อ และ ใกล้ติ่งหู เพราะมันชอบที่เย็น ๆ
ส่วนในหัวข้อของไขมันต่าง ๆ ได้โพสต์ไว้ให้อ่านกันแล้ว แต่เมื่อดูภาพรวม ผมฟันธงว่า ผู้ป่วยท่านนี้ กระท่อนกระแท่นเรื่อง สมรรถภาพทางเพศ เป็นที่สุด และผิวจะเริ่มแห้ง เหี่ยว ย่น เพราะขาดฮอร์โมนเพศ
มาดูประวัติกันสักนิดนะครับ
เป็นโรคไตมา 4 ปี และ เก๊าท์เพิ่งเริ่มได้ 1 ปี มาดูการรักษาแผนปัจจุบันกัน ใน สองโรงพยาบาล ชื่อดังซะด้วย ทั้งรัฐและเอกชน
ยาที่กินกันอิ่มมีดังนี้
Colchicine 0.6 mg ซึ่งยานี้ใช้เพื่อรักษาและบรรเทาอาการเจ็บปวดและบวมบริเวณข้อในผู้ป่วยโรคเกาต์หรือยานี้ใช้เพื่อป้องกันโรคเกาต์ และอาการกำเริบของโรค (gouty attack)
Allopurinol 100 mg ยี่ห้อ PURIDE ซึ่งใช้รักษาโรคเก๊าท์ ใช้รักษาภาวะที่ร่างกายมีกรดยูริคสูง และใช้รักษาและป้องกันนิ่วในไตที่มีสาเหตุจากกรดยูริก
Cardura xl ( 4 mg tablets ) ยานี้ใช้เพื่อรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต และโรคความดันโลหิตสูง
Cardura xl ( 4 mg tablets ) ยานี้ใช้เพื่อรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต และโรคความดันโลหิตสูง
Madiplot 10 mg มาดิพลอต 10 มก ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง
Atenolol 25 mg ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย หรือใช้เพื่อป้องกันอาการเจ็บหน้าอก
Atenolol 25 mg ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย หรือใช้เพื่อป้องกันอาการเจ็บหน้าอก
Z-BEC เป็นวิตามิน B-Complex และมีวิตามิน C, B, Folic Acid, และ Zinc
Folic acid กรดโฟลิก เมื่อเรากินเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนโครงสร้างวิตามินนี้ให้กลายเป็นโฟเลตซึ่งเป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย และช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์และซ่อมแซมสารพันธุกรรมหรือดี-เอ็น-เอ (DNA) ซึ่งมีผลต่อเนื่องไปถึงการแบ่งเซลล์ของร่างกายรวมถึงการเจริญเติบโต
ผมตั้งคำถามเพื่อนคนนี้ใน กล่องโต้ตอบ ไปว่า “ถ้าคุณคาดหวังได้ คุณว่าโรคไตควรรักษาให้หายได้ภายในกี่เดือน” คำตอบของเธอคือ “เป็นเดือนไม่ค่อยหวังค่ะเพราะตอนนี้เป็นไตขั้นที่ 3 แล้วค่ะ “
นั่นแสดงว่า เมื่อสี่ปีที่แล้ว เริ่มเป็นขั้นที่ 1 น่ะสิ ว่ามั๊ย จริง ๆ มันน่าจะหายตั้งแต่สามปีที่แล้วถ้าใช้เวลารักษาขั้นที่ 1 แค่ 1 ปี เอาล่ะซิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่....!!!!!!
ถ้าเป็นคุณ เมื่อคุณได้ทราบประวัติและข้อมูลขนาดนี้ คุณจะบำบัดท่านนี้อย่างไร ....คิด ..คิด ..คิด ให้จงหนัก !!!
ถ้าเป็นคุณ เมื่อคุณได้ทราบประวัติและข้อมูลขนาดนี้ คุณจะบำบัดท่านนี้อย่างไร ....คิด ..คิด ..คิด ให้จงหนัก !!!
งั้นเรากลับไปตอนเรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 นะ ความว่า......มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อ ซ่อมแซมตัวเองตลอดเวลา.... ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยโปรตีน 75 % เมื่อไม่รวมน้ำ ...โปรตีนมีหน้าที่ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ...ร่างกายต้องการอาหาร 5 หมู่ และน้ำช่วยทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น..ระบบการย่อยเป็นสิ่งสำคัญตามมาด้วยระบบการดูดซึมและระบบขับถ่าย
หรือ เราลืมสิ่งที่เราเรียนมา ..แล้วเอาชีวิตไปฝากไว้กับยา ..มาเอาใจช่วยผู้ป่วยท่านนี้กับผมนะ เพื่อเป็นการบำเพ็ญ “พรหมวิหารสี่”ด้วยกัน และช่วยวิปัสสนากันหน่อยว่า เราเรียนแล้วทิ้ง กันทำไม
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น