วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อาหาร เมื่อมีภาวะ ไตเสื่อม ไตวาย หรือ อยากให้ไตดี ๆ ไป นาน ๆ

4 Jun 2015
อย่างที่เคยทราบกันไปแล้วว่า ไตต้องกรองเลือดวันละ 180 ลิตรเพื่อผลิต ปัสสาวะ2 ลิตร ซึ่งเป็นกระบวนการกรองที่เลือกเอาของเสียและสารพิษที่อาจเกิดขึ้นจากเลือดออกไปและควบคุมสมดุลชีวเคมีและฮอร์โมนที่สำคัญในเลือดเอาไว้ และอย่างที่เคยโพสต์ไปแล้วว่า สิ่งที่ทำให้ไตเสื่อมสองตัวหลัก ๆ คือ อนุมูลอิสระ และยา
คำว่า ไตเสื่อม ไตวาย ก็คือการกรองด้อยประสิทธิภาพ แต่ถ้าเลือดสะอาด หรือมีสารที่กรองได้ยากน้อยลง ถึงไม่มีเลยล่ะ ก็น่าจะช่วยให้ไตได้พักและ ซ่อมแซมตัวเองได้บ้างล่ะว่ามั๊ย
แล้วสารอาหารอะไรล่ะ ที่ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น .....ตามมาครับ
1 กรดอ็อกซาลิก (oxalic acid) ในปริมาณสูง ซึ่งสามารถจับกับแคลเซี่ยมแล้วตกตะกอนเป็นก้อนนิ่วไต
แล้วมันอยู่ในอะไร...ตามมาครับ
http://nutrition.anamai.moph.go.th/temp/main/view.php… หาอ่านเองนะ ขี้เกียจพิมพ์ครับ แล้วเลือกที่มีค่าน้อย ๆ รับประทานกันนะครับ
สำหรับ พี่น้องชาวใต้ ผมห้าม ลูกเนียง กับมะเฟืองเปรี้ยวนะ สองตัวนี้ ได้ฉี่เป็นเลือดเลยล่ะครับ ในผู้ป่วยไต
2 โพแทสเซียม (potassium) สูง ทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมเกิน (hyperkalemia) ถ้าระดับโพแทสเซียมสูงมากอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ และไตต้องทำงานหนักในการขับแร่ธาตุตัวนี้ครับ แล้วอยู่ในอะไรบ้าง ...ตามนี้ครับ
ผักที่มีโพแทสเซียมสูงควรงดได้แก่ หัวปลี ผักชี ต้นกระเทียม บร๊อคโคลี่ แครอท มันเทศ ผักบุ้ง เห็ดฟาง มะเขือพวง มะเขือเปราะ ใบแมงลัก โหระพา หน่อไม้ฝรั่ง หอมแดง ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ ถั่วต่างๆ เม็ดทานตะวัน กาแฟ น้ำนม
ผักที่มีโพแทสเซียม ปานกลางได้แก่ เห็ดนางฟ้า แตงกวา ฟักเขียว พริกฝรั่ง หัวผักกาดขาว มะเขือเทศสีดา ผักกาดขาวใบเขียว พริกหยวก
ผักที่มีโพแทสเซียมน้อยได้แก่ บวบเหลี่ยม ถัวพู หอมหัวใหญ่ เห็ดหูหนู
ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงควรงดได้แก่ มากที่สุดคือทุเรียนหมอนทอง และชะนี รองลงมาได้แก่มะพร้าว กล้วย ลำไยพันธ์ต่างๆ
มีปานกลางได้แก ฝรั่ง มะขาม กระท้อน ส้ม ลางสาด องุ่น มะม่วง มะละกอสุก ลิ้นจี่ ละมุด ขนุน ลูกพรุน ลูกเก็ด
ผักและผลไม้ที่พอรับประทานได้ แต่ปริมาณไม่มากได้แก่ ถั่วพู ถั่วฝักยาว มะเขือยาว หน่อไม้ ผักคะน้า ถั่วลันเตา มะระ หัวผักกาดขาว มะม่วง มะละกอ องุ่น แตงโม แอปเปิล ชมพู่
ผักที่รับประทานได้ กะหล่ำปลี แตงกวา บวบ ฟักเขียว ถั่วงอก
3 ฟอสฟอรัส
ฟอสฟอรัสมีมากที่สุดในนมทุกรูปแบบ ผลิตผลจากนม เช่นเนยแข็ง โยเกิร์ต ไอศกรีม ผู้ป่วยโรคไตวายควรหลีกเลี่ยงนมทุกชนิด ไข่ไก่ ไข่เป็ดโดยเฉพาะไข่แดงจะมีฟอสฟอรัสมากรองจากนม ส่วนไข่ขาวมีน้อย ถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด เมล็ดฝักทอง เมล็ดแตงโม นมสด เนยแข็ง ไข่แดง ถั่ว เนยแข็ง ไข่แดงเมล็ดมะม่วงหินพานต์ การที่รับประทานอาหารเหล่านี้มากจะทำให้ระดับฟอสเฟตในเลือดสูงทำให้ระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ในเลือดสูงขึ้น และวิตามิน ดี ในเลือดต่ำลงส่งผลให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงครับ
4 โซเดียม ร่างกายต้องการโซเดียมในปริมาณเล็กน้อยเพื่อควบคุมความดันโลหิต เมื่อเป็นโรคไตร่างกายจะไม่สามารถกำจัดโซเดียมส่วนเกินออกไปได้ ทำให้เกิดมีน้ำคั่งและเกิดอาการบวม ความดันโลหิตสูง มีน้ำท่วมปอด และอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารที่มีโซเดียมสูง (เช่น ปลาเค็ม แฮม เบคอน ไส้กรอก อาหารดอง ขนมขบเคี้ยว เนยแข็ง และอาหารกระป๋องทั้งหลายแหล่) อาหารรสจืดแต่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ (เช่น ขนมปังเนื่องจากมีการใช้ผงฟู)
ผู้มีภาวะไตเรื้อรัง ห้ามใช้ซอสปรุงรสเทียม เกลือเทียม ซีอิ๊วเทียม น้ำปลาเทียม
5 โปรตีน เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ผู้ป่วยโรคไตก็ยังต้องรับประทานอาหารที่ให้โปรตีน แต่ควรจำกัดปริมาณอาหารที่มีโปรตีนสูงทั้งจากพืชและเนื้อสัตว์ไม่ให้มากเกินไป เพื่อเป็นการลดการทำงานของไต
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก (เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังเป็ดและไก่ เนื้อหมูและเนื้อวัวติดมัน ซี่โครงหมูที่ติดมันมาก หมูหัน เป็ดปักกิ่ง หมูสามชั้น หมูกรอบ เป็ดย่าง ห่านพะโล้ ไข่ปลา ไข่กุ้ง) เนื้อสัตว์ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบ ซึ่งทำให้ไตทำงานขับถ่ายของเสียหนักขึ้น (เช่น เอ็นหมู เอ็นวัว เอ็นไก่ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ หนังสัตว์ กระดูกอ่อน รวมทั้งถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ และขนม อาหารที่มีไส้ถั่ว)
6 น้ำ หากไตเสื่อมไม่มากไม่บวมก็ดื่มได้ตามปกติ หากไตเสื่อมมาก ผู้ป่วยดื่มน้ำไม่เกินวันละประมาณ 500 มิลลิลิตร ไม่ควรดื่มน้ำแร่ น้ำหนักไม่ควรเพิ่มเกินวันละ 0.5 กิโลกรัม
7 เหล็ก ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับธาตุเหล็กเสริม ในรูปเม็ด แนะนำให้ปรึกษาผู้แปลผลค่าการตรวจนะครับ
มาดูอาหารที่ผ่านการวิจัยแล้วพบว่าดีต่อไตกันดีกว่า สำหรับท่านที่รักสุขภาพและอยากรักษาไตให้ดีไปอีกนาน ๆ นะครับ
นักวิจัยได้ค้นพบการเชื่อมโยงมากขึ้นและมากขึ้นระหว่างโรคเรื้อรัง การอักเสบและ "สารอาหาร" ที่อาจป้องกันการเกิดออกซิเดชันของกรดไขมันที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อออกซิเจนในร่างกายของคุณทำปฏิกิริยากับไขมันในเลือดและเซลล์ของคุณ ออกซิเดชันเป็นกระบวนการปกติสำหรับการผลิตพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจำนวนมากในร่างกาย แต่การเกิดออกซิเดชันของไขมันและคอเลสเตอรอลที่มากเกินไป จะไปสร้างโมเลกุลที่เรียกว่าอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายโปรตีน เยื่อหุ้มเซลล์และยีน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคความจำเสื่อม โรคพาร์กินสัน โรคเรื้อรังและความเสื่อมอื่น ๆ ได้รับการมาจากการออกซิเดชันนี่เอง
แต่อย่างไรก็ตามอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยให้อนุมูลอิสระเหล่านั้นหายไปได้และป้องกันร่างกาย อาหารหลายชนิดที่ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันรวมถึงอาหารสำหรับไตและให้ทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยล้างไตหรือคนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง (CKD) การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพร่วมกับจัดโภชนาการที่ดีต่อไตจะช่วยลดอาการต่าง ๆ ลงได้
มาดูกันครับ....
1. พริกหวานสีแดง Red bell peppers
1/2 ถ้วยของพริกหวานสีแดง = โซเดียม 1 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 88 มิลลิกรัมและ ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม
พริกหวานสีแดงมีโพแทสเซียมอยู่ในระดับต่ำและรสชาติดีมาก แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่นิยมรับประทานเพื่อเป็นอาหารไต มันยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซีและวิตามินเอ เช่นเดียวกับวิตามินบี 6 กรดโฟลิกและเส้นใย พริกหวานสีแดงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณเพราะพวกเขามีไลโคปีนสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ดีอีกด้วย
2. กะหล่ำปลี
1/2 ถ้วยกะหล่ำปลี = โซเดียม 6 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 60 มิลลิกรัม และ 9 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส
ผักตระกูลกะหล่ำ กะหล่ำปลีจะเต็มไปเต็มไปด้วยสารพฤกษเคมี phytochemicals ซึ่งทำลายอนุมูลอิสระก่อนที่พวกมันจะสามารถสร้างความเสียหาย สารพฤกษเคมี Phytochemicals เป็นที่รู้จักกันในนามตัวป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็งเช่นเดียวกับการส่งเสริมให้เกิดสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่ดี
นอกจาก วิตามินเค วิตามินซีและเส้นใยที่สูงแล้ว กะหล่ำปลียังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินบี 6 และกรดโฟลิก โพแทสเซียมต่ำและก็ไม่แพงนอกจึงนับได้ว่าเป็น อาหารไต
3. กะหล่ำดอก
1/2 ถ้วยกะหล่ำดอกต้ม = 9 มิลลิกรัมโซเดียม 88 มิลลิกรัมโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม
กะหล่ำดอกมีวิตามินซีสูงและเป็นแหล่งที่ดีของโฟเลตและเส้นใย มันเต็มไปยังเต็มไปด้วยอินโดล, glucosinolates และ thiocyanates สารเหล่านี้ช่วยให้ตับต่อต้านสารพิษที่อาจสร้างความเสียหายต่อเยื่อหุ้มเซลล์และดีเอ็นเอ
4. กระเทียม
กระเทียม 1 กลีบ = 1 มิลลิกรัมโซเดียม 12 มิลลิกรัมโพแทสเซียมและ ฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม
กระเทียมช่วยป้องกันไม่ให้เกิดคราบหินปูนบนฟันของคุณ ช่วยลดคอเลสเตอรอลและช่วยลดการอักเสบ จะทานสด นึ่ง ย่าง หรือจะใช้แบบผงกระเทียมก็ให้รสชาติที่ดีสำหรับทดแทนเกลือในอาหารของผู้ฟอกไต
5. หัวหอม
1/2 ถ้วยหัวหอม = 3 มิลลิกรัมโซเดียม 116 มิลลิกรัมโพแทสเซียม และ 3 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส
หัวหอมมีสารกำมะถันซึ่งให้กลิ่นฉุน แต่นอกเหนือจากการทำให้คนบางคนร้องไห้แล้ว, หัวหอมยังอุดมไปด้วย flavonoids โดยเฉพาะอย่างยิ่ง quercetin, สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการเกิดโรคหัวใจและป้องกันมะเร็งหลายชนิด หัวหอมมีโพแทสเซียมต่ำและเป็นแหล่งที่ดีของโครเมียม .ซี่งเป็นแร่ธาตุที่จะช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน ลองทานทั้งสีขาว, สีน้ำตาล, สีแดงและอื่น ๆ นะครับ หาเมนูเอาเอง
6. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลขนาดกลางทั้งเปลือก = 0 โซเดียม 158 มิลลิกรัมโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม
แอปเปิ้ลเป็นที่ทราบกันแล้วว่า ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันท้องผูกป้องกันโรคหัวใจและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง มีเส้นใยสูงและสารต้านการอักเสบ
7. องุ่นแดง
1/2 ถ้วย องุ่นแดง = 1 มิลลิกรัมโซเดียม 88 มิลลิกรัมโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม
องุ่นแดงมี flavonoids หลายชนิดที่ทำให้มันมีสีแดง Flavonoids ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจโดยการป้องกันการเกิดออกซิเดชันและลดการก่อตัวของลิ่มเลือด Resveratrol,ซึ่งเป็น flavonoid ที่พบในองุ่นยังสามารถกระตุ้นการผลิตไนตริกอ๊อกไซด์ซึ่งจะช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อในหลอดเลือดผ่อนคลายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด flavonoids เหล่านี้ยังให้การป้องกันโรคมะเร็งและป้องกันการอักเสบ
8. ไข่ขาว
ไข่ขาว 2 ฟอง = 7 กรัมโปรตีน 110 มิลลิกรัมโซเดียม 108 มิลลิกรัมโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม
ไข่ขาวมีโปรตีนบริสุทธิ์และให้มีคุณภาพสูงสุดของโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็น สำหรับอาหารไต ไข่ขาวให้โปรตีนที่มีฟอสฟอรัสน้อยกว่าแหล่งโปรตีนอื่น ๆ เช่นไข่แดงหรือเนื้อสัตว์
9. ปลาทะเลน้ำลึก
3 ออนซ์ ปลาแซลมอน = 50 มิลลิกรัมโซเดียม 368 มิลลิกรัมโพแทสเซียม 274 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส
ปลามีโปรตีนที่มีคุณภาพสูงและมีไขมันต้านการอักเสบที่เรียกว่าโอเมก้า 3 ไขมันดีในปลาสามารถช่วยต่อสู้โรคเช่นโรคหัวใจและโรคมะเร็ง โอเมก้า 3 ยังช่วยลดไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและยกระดับไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูงหรือ HDL
10. น้ำมันมะกอก
1 ช้อนโต๊ะน้ำมันมะกอก = โซเดียมน้อยกว่า 1 มิลลิกรัมโพแทสเซียมน้อยกว่า 1 มิลลิกรัมและ 0 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส
น้ำมันมะกอกเป็นแหล่งที่ดีของกรดโอเลอิกกรดซึ่งไขมันต้านการอักเสบ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในน้ำมันมะกอกช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชัน น้ำมันมะกอกที่อุดมไปด้วยโพลีฟีนและสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการอักเสบและการเกิดออกซิเดชัน
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าประชากรที่ใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันอื่น ๆ มีอัตราการลดลงของการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
ใช้น้ำมันมะกอกทำน้ำสลัด ราดสลัด หรือ อาหารที่อยากทานนะครับ
11.ผลไม้ตระกูลเบอรี่ทั้งหลาย ไม่ว่าของไทยตามที่โพสต์ไปหรือของฝรั่งครับ ต้านอนุมูลอิสระได้ดีมาก ๆ
นี่ครับ ทานสลับกันไป และ อย่าเอาสารอาหารที่ทำให้ไตต้องทำงานหนักใส่เข้าไปในร่างกาย บางทีอะไร ๆ ก็จะดีขึ้นครับ
สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น