วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ดื่มแอลกอฮอล์อย่างไรส่งผลต่อ สมอง และ ร่างกาย น้อยที่สุด

13 Dec 2014
เพื่อคนทีเฮ กับการให้ขายสุราในช่วงปีใหม่ หรือ ท่านที่ดำเนินรอยตาม ท่านโกวเล้งและท่านสุนทรภู่ และ/หรือ ภรรยาทั้งหลายที่ต้องดูแลสามี หรือ คู่รัก และ/หรือ ตัวเองจากการขอปลดปล่อยบ้างเถอะน่ะ ปีละครั้งสองครั้ง
รายการ หมอนอกกะลา
ตอน …….ดื่มอย่างไรส่งผลต่อ สมอง และ ร่างกาย น้อยที่สุด
มาเริ่มต้นที่กระบวนการแผลงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายไว้เป็นความรู้กันก่อนนะครับ ซึ่งแบ่งเป็นปฏิกิริยาได้ดังนี้
ปฏิกิริยาแรก
จะเกิดขึ้นทันทีที่ดื่มเหล้าแล้วแอลกอฮอล์ก็วิ่งเข้าสู่ตับ เอนไซม์ในตัวคนเราจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นสารตัวใหม่ ชื่อ อะเซ็ตทัลดีไฮด์ แล้วเปลี่ยนต่อเป็น อะซิเทต แล้วเคลื่อนตัวไปยังสมองในส่วนของต่อมควบคุมระดับเกลือและน้ำตาลในร่างกาย รวมไปถึงอวัยวะต่างๆ อีกมากมายหลายส่วน ผลจากการเคลื่อนตัวไปยังส่วนต่างๆ นี่เองทำให้ร่างกายสำแดงอาการเริ่มตั้งแต่อาการสมองโปร่งโล่งสบายในระยะแรก แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกราวกับถูกบีบหนักๆ สักดอกสองดอก แล้วร่างกายก็จะเริ่มผิดเพี้ยน เคลื่อนไหวโซซัดโซเซ ลิ้นก็ชักจะแข็งๆ พูดจาอ้อแอ้ หูอื้อ ตาลายและแดงก่ำ ไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ บางคนถึงขนาดความจำเสื่อมไปชั่วขณะ ถ้าดื่มต่อไปอย่างยั้งไม่หยุดก็จะตามมาติดๆ ด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน และเกิดปฏิกิริยาผิดเพี้ยนอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน หนุกหนาน
ปฏิกิริยาต่อมา
เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากปฏิกิริยาแรก ส่งผลให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ปกติเซลล์สมองจะมีกลไกป้องกันตัวเอง โดยการเปลี่ยนแปลงผนังเซลล์ให้หนามากพอ ที่จะไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำลาย ดังนั้นเมื่อแอลกอฮอล์เดินทางมาสู่สมองเซลล์ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนเกิดผลของการอาการเมาค้างตามมาในที่สุด
ปฏิกิริยาสุดท้าย
เป็นกระบวนการแห้งเหือดของน้ำหรือของเหลวภายในร่างกายเพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกาย โดยดูดซึมและขับถ่ายในรูปปัสสาวะและยังขับสารอาหารสำคัญๆ ออกมาอีกเพียบ
มาว่าต่อที่อาการเมาค้างกันเลยครับ
อาการเมาค้างเป็นอาการที่คล้ายกับเพิ่งฟื้นไข้ เพราะร่างกายขาดน้ำทำให้เซลล์สมองเหี่ยวลง แอลกอฮอล์ทำให้เกิดการขับของเสียในร่างกายในรูปของปัสสาวะ พร้อมกันนั้นยังขับสารอาหารสำคัญของร่างกายออกมาด้วยทั้งแมกนีเซียม โปตัสเซียม และวิตามินบี 1, 6 ฯลฯ
เกิดการคั่งของสารแอลดีไฮด์ (Aldehyde) ซึ่งทำลายสมอง และระบบประสาท เกิดพิษในร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินที่ร่างกายจะสามารถรับได้ และทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ รบกวนการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ทำให้ส่งผลให้เกิดอาการที่มักได้ยินผู้ดื่มพูดๆ กัน ว่าในหัวจะเหมือนมีใครอาค้อนมากระหน่ำ ปวดหนึบๆ บางคนปวดจี๊ดๆ ต่อเนื่องหรือบางคนปวดตลอดเป็นระยะยาวๆ แล้วยิ่งถ้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย แม้แต่เพียงน้อยนิด ก็จะยิ่งปวดหัวหนักเข้าไปอีก ท้องไส้จะเบาโหวง คลื่นเหียนเหมือนเพิ่งลงจากรถไฟเหาะตีลังกามาสักสิบรอบ นอกจากนี้เจ้าตัวยังพบกับความยากลำบากในการลืมตา โดยเฉพาะถ้ามีลำแสงสาดส่องเข้ามากระทบดวงตาอันฉ่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วละก็จะยิ่งทวีความปวดร้าวในหัวเหมือนหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
แถมอาการเมาค้างยังทำให้ระบบประสาทสัมผัสปั่นป่วนตามไปด้วย กล่าวคือเสียงที่เคยกระทบโสตประสาทว่าไพเราะนักหนากลับกลายเป็นเสียงที่น่ารำคาญ จะกินจะลิ้มชิมของอร่อยสักเพียงใดก็เหมือนลิ้นคนกลายเป็นจระเข้ คือ ไม่รู้รสอะไรเลย แล้วริมฝีปากก็จะแห้ง เหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในบ้าน อาการเพี้ยนๆ ที่เกิดขึ้นอีกก็คือ สภาพความปั่นป่วนในหัวอก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตามมาด้วยการเสียสมรรถภาพในการเคลื่อนไหวจะลุกจะนั่ง จะเดิน ก็แข็งทื่อ ไม่รวดเร็วคล่องแคล่วเหมือนใจนึก แถมท้ายด้วยการอาเจียนขนานใหญ่ ตามมาติดๆ ด้วยอาการผะอืดผะอม คืออาเจียนก็ไม่อาเจียน แล้วก็เป็นอยู่อย่างนี้นานทั้งวัน นี่ผมฟังเขามา อยากเป็นอย่างนี้บ้างจัง แต่ทำไม่เป็นสักที
บางคนอาจมีท้องเสีย ความดันเลือดตัวบนสูงขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้น เหงื่อออกมากขึ้น หรือมีอาการบ้านหมุนร่วมด้วย ยิ่งในคนที่เป็นโรคหัวใจก็จะเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเสียชีวิตง่ายกว่าคนปกติ อันนี้น่ากลัวนะ
ไม่อยากมีอาการเมาค้างรึ กรุณาตามมาติด ๆ ครับ
แนะนำว่าก่อนไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรไปขณะกำลังหิว และไม่ควรออกกำลังกายอย่างหักโหมก่อนไป เพราะจะทำให้ยิ่งดื่มมากขึ้น พยายามรับประทานผักที่มีกรดโฟลิก (Folic acid) ซึ่งทำหน้าที่ฟื้นฟูเซลล์ที่จะถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ และไฟเบอร์สูง หรือทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีนที่มีไขมันดีรองท้องไว้ก่อน (ไปหาอ่านดู โพสต์ไว้แล้วครับ) เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมของแอลกอฮอล์
ขณะดื่มควรทำให้ร่างกายลดการดูดซึมของแอลกอฮอล์ และขับออกทางปัสสาวะด้วยการดื่มน้ำมากๆ และระวังไม่ให้ท้องว่างโดยการรับประทานกับแกล้ม เลือกผสมน้ำแทนการผสมโซดาเพราะโซดาจะทำให้การดูดซึมไปสู่สมองเร็วขึ้นรวมทั้งมีปริมาณฟอสฟอรัสสูง ร่างกายก็ต้องใช้แคลเซียมในการขับออกอีก
ควรรับประทานวิตามินบี 6 เพิ่มระหว่างดื่มช่วยลดอาการเมาค้างลงได้ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้การทำงานของวิตามินบี 6 ลดลงทำให้ร่างกายขาดพลังงาน วิตามินบี 6 (Pyridoxine) พบมากในรำข้าว สมุนไพรแห้ง กระเทียม ตับ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เมล็ดดอกทานตะวัน เฮเซลนัท และ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิดสลับกันไปมาแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การคอยเตือนตัวเองไม่ให้ดื่มมากเกินไป แต่ถ้าห้ามไม่ได้ ก็ตามมาครับ
สูตรผมน่ะรึ ก็ไม่ยาก แถมท้าดื่มได้ทั้งคืนแล้วต่ออีกหนึ่งวันยังไหวเลยครับแล้วอ่านหนังสือไปด้วยก็ยังได้ ตามมาครับ
เมื่อต้องไปสังสรรค์แล้วดื่มแน่ ๆ ก่อนออกจากบ้านผมจะกิน
1 เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ฝ่ามือ เพราะมันจะถูกนำไปสร้างสารป้องกันสมอง
2 เมล็ดอัลมอนด์ 1 ฝ่ามือ เพราะน้ำมันดีเยอะ และ วิตามินอีกเพียบ อ่านในhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=339538666201162&set=pb.100004350947568.-2207520000.1418517711.&type=3&theater
3 แคลเซียมกับแม็กนีเซียม สัก 600 mg เพราะมันถูกใช้แน่ ๆ แต่ถ้าไม่กินไป ร่างกายก็จะไปดึงจากกระดูกมาใช้
4 ตามด้วยมะนาว 1 ลูก น้ำ ครึ่งแก้ว อันนี้ทำให้ร่างกายเป็นด่าง
แล้วก็เดินทาง
มาว่ากันที่กับแกล้มที่ดีครับ
แน่นอนต้องมี
1 ผัดผักที่มี Folic สูง ซึ่งจะประกอบด้วย…..กระเทียม ตับ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ผักใบเขียว ต่างๆ ผักป้วยเล้ง ผักคะน้า ผักโขม ผักกาดหางหงส์ หน่อไม้ฝรั่ง กระหล่ำดอก กระหล่ำปลี บร็อคโคลี่ แครอท
ฟักทอง ผักกาดดอง เป็นต้น
2 ปลาทอดขมิ้น แกง ต้ม ที่มีขมิ้น เพราะขมิ้นมีสารอาหารป้องกันสมองจากแอลกอฮอล์
3 ถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดดอกทานตะวัน เพราะมีไฟเบอร์ซึ่งจะไปลดการดูดซึมแอลกอฮอล์ และ Folic สูง
แค่นี้ก็พอแล้วครับ กับแกล้ม
ในระหว่างดื่ม
• เลี่ยงอาหารประเภทไขมัน เพราะจะทำให้อาเจียนได้ง่าย
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มชนิดที่ผสมเข้าด้วยกัน
• เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มน้ำตามด้วย เพื่อจะได้จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์เข้าสู่เส้นเลือด และป้องกันอาการร่างกายขาดน้ำ
และ หลังปาร์ตี้ก่อนจะเข้านอนควรดื่มน้ำ น้ำส้ม หรือน้ำมะนาวจำนวนมาก เพื่อขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายและป้องกันสมองเกิดการหดตัวจากการที่ร่างกายดึงน้ำจากสมอง เพราะวิตามินซีจะช่วยเร่งการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในตับ หรือดื่มน้ำวุ้นจากใบว่านหางจระเข้เพราะช่วยสลายพิษในตับ
สำหรับใครที่ดื่มหนักไปจนเมาค้าง ตามมาครับ
• ไม่ควรนอนจมอยู่บนเตียงทั้งวัน ควรจะลุกขึ้นมา สูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะออกซิเจนจะช่วยให้เกิดกระบวนการเมตะบอลิซึมมากขึ้น ทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงจนรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มากขึ้น
• ถ้าไม่ดีขึ้น แน่นอนต้องพึ่งพายาหอมผสมน้ำอุ่น ยาดม หรือยาธาตุ และยาสมุนไพรขมิ้นชัน ซึ่งจะทำให้ระบบย่อยอาหารมีสภาพเป็นกลาง หรือเป็นปกติมีความสมดุลขึ้น
• ควรนอนหลับ นอนพักผ่อนให้ได้อีกสักระยะหนึ่ง ก่อนไปทำงานประเภทขับรถหรือทำงานเครื่องจักรกล
อาหารเช้าควรเลือกอาหารประเภทโปรตีน และดื่มน้ำหวานเล็กน้อย น้ำผึ้งผสมมะนาว เพราะแอลกอฮอล์ทำให้สมองขาดน้ำตาล และควรดื่มเครื่องดื่มที่มีวิตามินซีสูงเพื่อช่วยลดปริมาณสารตกค้างที่มีอยู่ในตับ จิบน้ำอุ่นๆ ผสมมะนาว ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะกาแฟจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น ถึงไม่หิวก็ควรรับประทานอาหารประเภทย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม, โจ๊ก, น้ำซุปใส ฯลฯ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทมันๆ เพราะอาจะทำให้รู้สึกอยากอาเจียน
พยายามเดินช้าๆ หรือนั่งใต้ต้นไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจน หรือใช้สูตรนำใบรางจืดประมาณ 4-5 ใบมาตำหรือปั่นและคั้นเอาน้ำออกมาจะช่วยถอนพิษและลดอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี ถ้ายังรู้สึกคลื่นไส้อาจะใช้ยาดม ยาหอมฯลฯ
ควรช่วยให้ผู้ที่เมาค้างรู้สึกสดชื่น และช่วยลดอาการปวดศีรษะด้วยการเช็ดตัว เช็ดหน้าด้วยน้ำเย็น และควรใช้ผ้าประคบบริเวณใบหน้า และศีรษะ และถ้าปวดศีรษะมากควรเลือกทานแอสไพริน หลีกเลี่ยงพาราเซตามอล เนื่องจากส่งผลต่อตับอาจเกิดอันตรายได้
มาว่ากันที่สูตรแก้เมาค้างกันครับ
แตงโมแช่เย็นเจี๊ยบ
นอกจากนี้อาจผสมสตรอเบอรี่ด้วยก็ได้ ซึ่งเป็นผลไม้หนึ่งเข้ากันได้ดีกับแตงโม เพราะให้รสชาติหลากหลาย อาจสลับใช้ฮันนี่ดิวผสมแบล็คเบอรี่ บ้างก็ได้ ใช้แตงโมขนาด 1 นิ้ว 1 ชิ้น สตรอเบอรี่เด็ดก้านออกแล้ว 6 ผล ถ้าให้ชื่นใจยิ่งขึ้น ควรแช่เย็นผลไม้ก่อนนำมาคั้น
น้ำแครอทผสมแอปเปิ้ล
ดูจะเป็นน้ำผักผลไม้หลักๆ ที่ดีที่สุด และเหมาะจะเป็นเครื่องดื่มแก้วแรก สำหรับผู้ที่เริ่มทดลอง เริ่มด้วยการผสมน้ำคั้นทั้งสองอย่างนี้ในปริมาณเท่าๆ กัน และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนสัดส่วนตามที่คุณชอบ ใช้แครอท 4 หัว แอปเปิ้ล 1 ลุก
น้ำจับฉ่าย
น้ำผักผลไม้ชนิดนี้จะมีรสดียิ่งขึ้นถ้าเหยาะซอสพริก 2-3 หยด หรือเพิ่มกระเทียมสักกลีบ หรือพริกสดก็จะได้รสชาติแปลกออกไป
ใช้มะเขือเทศสุก 2 ลูก แครอท 2 ลูก บีทรูท ½ หัว เชเลอรี่ 1 ต้น แตงกวา 1 ลูก
น้ำวุ้นจากใบว่านหางจระเข้
น้ำสมุนไพรนี้ช่วยให้ตับสามารถทำงานได้เป็นปกติเร็วขึ้น ช่วยสลายพิษได้
• สูดกลิ่นหอม โดยใช้นำมันหอมระเหย ก็ดีครับ
สูดกลิ่นจากเตาระเหย (มิลลิลิตร) เฟนเนล 2 หยด, ลาเวนเดอร์ 1 หยด, น้ำมันจันทน์ 2 หยด, เลมอน 4 หยด
หรือ นวดตัว (ผสมน้ำมันนวด 50 หรือแช่ในอ่างอาบน้ำ) เฟนเนล 5 หยด, ลาเวนเดอร์ 3 หยด, น้ำมันจันทน์ 5 หยด, เลมอน 10 หยด
ประคบน้ำร้อน หรือประคบน้ำเย็น เฟนเนล 1 หยด, จูนิเปอร์ 2 หยด, โรสแมรี่ 1 หยด
• สูตรจิบน้ำมันดอกคำฝอยผสมน้ำมันงา
• สูตรจิบน้ำมันขิง ผสมโซดา น้ำ น้ำมะนาวหรือน้ำส้ม
• สูตรกินแอสไพริน 2 เม็ด ในตอนเช้าและดื่มน้ำตามมากๆ
• สูตรกินปลาทูน่าที่ผสมน้ำมะนาว มะเขือเทศ กระเทียม พริก แตงกวา
• สูตรกินซุปไก่ผสมหอมใหญ่ แครอต แป้งข้าวโพด เกลือ กระเทียม
• สูตรกินน้ำกะหล่ำปลีดอง ผสมน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกัน
• สูตรฝานมะนาวเป็นแว่นแล้วนำมาถูรักแร้
• สูตรอบไอน้ำ แต่จะต้องไปตรวจสุขภาพก่อนว่าเป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่ หรือมีโรคภัยไข้เจ็บอะไร มิฉะนั้นแทนที่จะหายเมาค้าง ท่านอาจะจะพับดับชีพได้เหมือนกัน
• สูตรใช้เปลือกของต้นควินินหรือน้ำโทนนิ ซึ่งขมปี๋จะช่วยรักษาการเมาค้างได้ นอกจากควินินแล้วพืชที่มีรสขมอื่นๆ ก็มักจะมีคุณสมบัตินี้เช่นกัน เช่น dandelion, gentian, mugwort และ angostura สำหรับ angostura นั้น มีทำเป็นน้ำยาขมเอาไว้ผสมเหล้า เรียกว่า Angostura Bitters เมื่อเกิดเมาค้าง ก็เอา Angostura Bitters 2-3 หยดใส่ในน้ำร้อน เติม roselle และมะขามเพื่อปรุงรส ดื่มน้ำชานี้เยอะๆ จะช่วยแก้การเมาค้างได้
• สูตรทานแปะก๊วย นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นผู้พบว่าเมล็ดแปะก๊วยมีเอนไซม์ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายขจัด แอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น การกินเมล็ดแปะก๊วยจึงช่วยรักษาอาการเมาค้างได้ ในญี่ปุ่นมักจะเสิร์ฟเมล็ดแปะก๊วยในเวลามีปาร์ตี้โดยเชื่อกันว่าจะป้องกันการเมาและเมาค้าง
แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น และพบว่ามีการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อาเจียนมาก ตัวเย็น ความดันโลหิตต่ำ ท้องเสียไม่หยุด ใจสั่น อ่อนเพลียนานเกิน 1 วัน เป็นอาการขาดน้ำ ก็ไปกินน้ำเกลือถุงที่โรงพยาบาลกันนะครับ
ไม่ยากใช่ไหมครับ เอาล่ะไปปาร์ตี้กัน สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น