ยาช่วยได้แค่ครั้งคราว แต่ไม่ได้แก้ที่เหตุครับ ลองมานั่งคิดเล่น ๆ แบบไม่ต้องมีความรู้อะไรให้มากมายดีมั๊ยครับ
ลองเอายางรัดข้อมือสักพักดูซิครับ ชามั๊ย
งั้นลองมาวินิจฉัยกัน ว่าชาเพราะอะไร
เลือด อ๊อกซิเจน และสารอาหารไปไม่ถึง จึงมีอาการชา
คราวนี้มาดูสิว่า ถ้าอาการชาเกิดโดยไม่ได้รัดข้อมือล่ะ ก็แสดงว่า มีอะไรรัดเส้นเลือดอยู่ หรือว่า อากาศไปไม่เพียงพอ หรือ สารอาหารไปไม่ถึงยังเซลล์
จะแยกเป็นข้อ ๆ นะครับ
มาดูที่ มีอะไรรัดเส้นเลือดก่อน ก็กล้ามเนื่อ แล้วกล้ามเนื้อใช้อะไรเป็นตัวบีบและคลายล่ะ ก็แคลเซียมกับแม็กนีเซียม อย่างที่เคยโพสต์ให้อ่านกันไปแล้วว่า แคลเซียมถูกใช้ในการบีบตัว และแม็กนีเซียมถุกใช้ในการคลายตัว ถ้ามันบีบนานกว่าคลาย ก็ชา แล้วจะแก้อย่างไร ผมว่าคิดเรา ๆ ท่าน ๆ คิดเองได้ครับ
ต่อมา อ็อกซิเจนและสารอาหารไม่พอ ก็ไปดูว่า ทำไม
นั่นแสดงว่าเลือดไม่ดี ก็ซ่อมเลือดให้ดีด้วยอาหาร และออกกำลังกาย ส่วน ถ้าวินิจฉัยว่าสารอาหารไม่เพียงพอสำหรับเซลล์ ก็มาดูว่าคุณภาพอาหารที่เราทานดีมั๊ย ถ้าดี ยังไงต่อล่ะ
นั่นหมายถึงระบบการย่อย ว่ามั๊ย เราทานอาหารดีสักแค่ไหนถ้าระบบการย่อยเสื่อม ก็ได้ประโยชน์จากอาหารลดลง และนี่คือเหตุที่คนชราส่วนใหญ่มีปัญหานี้ และไปหายามากินกัน สามวันหายแต่ก็เป็นซ้ำซากอยู่อย่างนั้นแหละครับ
การย่อยในมนุษย์ตก หรือเริ่มเสื่อมเมื่อใด
ผมโพสต์ไปแล้ว แต่ผมว่าเรา ๆ ท่าน ๆ คงจำไม่ได้กัน บอกให้ก็ได้ครับ เมื่ออายุประมาณ 35 ปี ครับ การผลิตเอ็นไซม์ในร่างกายของมนุษย์จะเริ่มเสื่อมถอย แต่ในคนเป็นโรคภูมิแพ้ ก็เสื่อมแบบถาวรมาตั้งแต่เกิดนั่นแหละครับ ส่วน ใครมีโรคตับ หรือ ถุงน่ำดีมีปัญหา คนเหล่านี้ก็จะตัวเริ่มเหลือง จากระบบการย่อยขาดเอ็นไซม์เช่นกัน
แล้วแก้อย่างไรล่ะคราวนี้
ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก ว่ามั๊ย ก็ไปอ่านโพสต์ การย่อย และความสำคัญของเอ็นไซม์ ของคุณไฝเค้าดูนะ ย๊าว ยาว แต่ดี
สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น