24 Jan 2016
1.พูเร (puree)เป็นวิธีที่ง่ายในการได้รับสารอาหารที่หลากหลายโดยไม่ต้องยุ่งยากในการเตรียมเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบครัน
พูเร (puree) หมายถึง อาหารที่มีลักษณะ ข้น หนืด เนื้อเนียน มักได้จากการทำให้สุกแล้วบดให้ละเอียด อาจกรองผ่านตะแกรง (sieve) ให้มีเนื้อเนียน เช่น ซอส (sauce) ซุปข้น อาหารเด็กอ่อน มันฝรั่งบด ผักผลไม้บดผักที่นำมาทำ พูเร อาจใช้เสิร์ฟเพียงอย่างเดียวหรือเป็นส่วนประกอบของอาหารอย่างอื่น อาจใช้เพิ่มรสชาติน้ำซอส ผักส่วนใหญ่ที่นำมาทำพูเรต้องทำให้สุกเต็มที่ก่อน เช่น ผักโขม มะเขือเทศ ฟักทอง
2. ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid)มีความสามารถในการเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอย
พูดเรื่อง ไบโอฟลาโวนอยด์ เพิ่มสักนิดหน่อยจะดีกว่า คือว่ามันสารประกอบจำนวนหลายอย่างที่พบได้ในพืช และที่โดดเด่นคือเมื่อมันทำงานร่วมกับวิตามินซีแล้วจะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอกของร่ากายได้ดีขึ้นไปอีกมากซึ่งมีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่้เป็นนักกีฬาและต้องการรักษาอาการบาดเจ็บเมื่อยล้าของแล้วเจ้าไบโอฟลาโวนอยด์นั้นมีกี่ชนิดและเราจะหารับประทานจากไหนได้บ้าง
ไบโอฟลาโวนอยด์เองนั้นไม่ใช่วิตามิน แต่ด้วยความที่มันมีประโยชน์ต่อการทำงานของวิตามินหลายอย่าง หรือเรียกได้ว่าถ้าร่างกายได้รับแต่วิตามินโดยขาดไบโอฟลาโวนอยด์ไปแล้วล่ะก็ วิตามินนั้นก็ไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเจ้าไบโอฟลาโวนอยด์ถึงกับได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่าเป็น วิตามินพี กันเลยทีเดียว ซึ่งไบโอฟลาโวนอยด์นี้มีหลายชนิดซึ่งต่างชนิดกันก็มีผลต่อร่างกายต่างกัน และมีอยู่ในอาหารต่างชนิดกันที่เราสามารถหารับประทานได้ดังนี้
เควอซิทิน (Quercetin)
เป็นสารเคมีที่พบได้ในพืช มักจะอยู่ตามเปลือกไม้และผลไม้ เป็นไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีประสิทธิภาพต่อต้านอนุมูลอิสระและลดอาการอักเสบ ซึ่งทำให้นำมาใช้ช่วยบำรุงสุขภาพได้มากมาย เช่น ใช้ลดอาการแพ้ได้เนื่องจากช่วยลดการปล่อยฮิสตามีนจากเซลล์มาสโตไซท์ได้ แหล่งของเควอซิทินที่ดีเช่น แอปเปิ้ลเขียว ชา หัวหอมและไวน์แดง เป็นต้น (โดยเฉพาะข้อหลังสุดนี้...อืมมมม )
พิกนาห์จีนอล (Pycnogenol)
ไบโลฟลาโวนอยด์ตัวนี้มีประสิทธิภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นกว่าวิตามินซีและวิตามินอีเสียอีก และยังทำให้การทำงานของวิตามินทั้งสองดีขึ้นด้วย พิกนาห์จีนอลมีประโยชน์ต่อหลอดเลือดหัวใจ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกับ ช่วยทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้น ช่วยในกรณีหลอดเลือดดำโป่งขอด ช่วยลดอาการไขข้ออักเสบและลดอาการติดเชื้อ แต่สำหรับแหล่งของพิกนาห์จีนอลนั้นเราคงไม่สามารถไปรับประทานมันง่ายๆ เพราะจะพบได้มากที่เปลือกของต้นสนของแถบยุโรป ดังนั้นถ้าไม่ไปแทะเปลือกไม้สนก็หาตัวอื่นกินแทนไปก่อนนะ
รูติน (Rutin)
เป็นไบโลฟลาโวนอยด์ที่มีส่วนประกอบทางเคมีของเควอซิทิน (Quercetin) และรูติโนส (Rutinose) เป็นไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะไปรวมตัวกับอิออนของโลหะหนัก (เช่น เหล็ก, Fe) ทำให้ไม่ไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจนกลายเป็นอนูมูลอิสระ (free radical) และไปสร้างปัญหาให้กับร่างกายซึ่งรวมทั้งมะเร็งได้ รูตินยังช่วยระบบหลอดเลือดให้แข็งแรง ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้นอีก ที่สำคัญกว่านั้นก็คือมันช่วยทำให้ปริมาณของคอลลาเจนในผิวคงที่ ไม่น้อยเกินไป ทำให้มีส่วนช่วยในการต้านริ้วรอยไปด้วยในตัว รูตินมีมากในเปลือก (ย้ำนะ..เปลือก) ของ แอปเปิ้ล ผลไม้ประเภทส้ม มะนาว ส้มโอและชาดำ
เฮสเพอริดิน (Hesperidin)
ไบโลฟลาโวนอยด์ตัวนี้พบได้มากในผักสีเขียว และส่วนที่เป็นเยื่อใยของผลไม้ประเภทส้ม ที่อยู่กับเปลือกเมื่อเราปอกออกมานั่นแหละ ดังนั้นใครที่ไม่ชอบรับประทานใยบางๆ เหล่านี้อาจจะต้องเปลี่ยนใจเมื่อพบว่ามันช่วยรักษาหลอดเลือดฝอย ทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง การขาดเฮสเพอริดินมากๆ อาจจะทำให้เกิดอาการหลอดเลือดฝอยแตกหรือตะคริวได้ สั่งส้มตำคราใดกรุณาบอกคนขายว่า ...ซอยเปลือกมะนาวใส่มาหน่อยนะ...มันดี
และถ้าหาอาหารจำพวกนี้กินได้นะ จะหายเร็วมากครับ เพราะก็เป็นไบโอฟลาโวนอยด์นี่แหละและมันก็คือผลไม้ที่มีรสฝาด เช่น พลูคาว มะเม่า มะกอก ผักติ้ว เมล็ดในผลไม้ เช่น เมล็ดมะขาม เมล็ดลำใย ถั่วดำ ถั่วแดง สมอไทย สมอภิเภก และมะขามป้อม ฯลฯ (สามตัวหลังนี้ ผสมกันเป็นตำหรับยาของอายุรเวท เรียก ตรีผลา ยาบำรุง ปรับธาตุ อายุวัฒนะ ขอบอก)
3.พรีไบโอติก อย่าง ซุปมิโซะ ซุปเต้าเจี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ กะหล่ำปลีและดองแตงกวาดองทำให้ระบบลำไส้ของคุณทำงานได้เป็นปรกติมากขึ้นซึ่งช่วยทำให้ร่างกายได้รับวิตามินมากยิ่งขึ้นจากการย่อยของพวกมัน ลองทำโจ๊กข้าวไม่ขัดสีแล้วกินกับสิ่งที่กล่าวมานี้ดูซิครับ
4.วิตามิน A ทำงานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเยื่อบุผิว แหล่งวิตามินในธรรมชาติก็ ผักตำลึง ยอดชะอม คะน้า แครอท ยอดกระถิน ผักโขม ฟักทองบรอกโคลี แตงกวา ผักกาดขาว หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ พริกหวาน เป็นต้น
5.วิตามินซีช่วยส่งเสริมการรักษาแผล; ผักที่พบมาก ได้แก่ ดอกกะหล่ำ
คึ่นฉ่าย เซลารี่ ต้นหอม ถั่วลันเตา ใบเผือก ใบมันสำปะหลัง ใบมะระจีน ผักกาดขาว ผักกาดเขียวปลี ผักโขม ผักคะน้า ผักชี ผักบุ้ง มะรุม ยอดมะม่วง เป็นต้น ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ เชอรี ส้มต่างๆ มะนาว ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ มะละกอ ส้มโอ และสตรอเบอรี เป็นต้น
คึ่นฉ่าย เซลารี่ ต้นหอม ถั่วลันเตา ใบเผือก ใบมันสำปะหลัง ใบมะระจีน ผักกาดขาว ผักกาดเขียวปลี ผักโขม ผักคะน้า ผักชี ผักบุ้ง มะรุม ยอดมะม่วง เป็นต้น ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ เชอรี ส้มต่างๆ มะนาว ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ มะละกอ ส้มโอ และสตรอเบอรี เป็นต้น
6.สังกะสีส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการทำงานของภูมิคุ้มกัน Bromelain สามารถช่วยลดอาการบวมจากการบาดเจ็บ ลดการอักเสบและความเจ็บปวด
สังกะสีพบได้ในอาหารจำนวนมากเช่น หอยนางรม จะมีปริมาณของสังกะสีมากกว่าอาหารอื่นใดในปริมาณที่เท่ากัน แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่แตะหอยนางรมไม่ได้เลย ก็ยังมีทางเลือกอื่นได้แก่ เนื้อแดง เป็ด ไก่ ถั่ว อาหารทะเล ธัญพืชทั้งนี้ การดูดซึมสังกะสีในโปรตีนจากสัตว์นั้นมีคุณค่าสูงกว่าจากพืช ซึ่งควรเลือกรับประทานตามความเหมาะสม
7.กระเทียม -เมื่อเทียบกรัมต่อกรัมกับอย่างอื่นแล้วกระเทียมนับว่าเป็นสุดยอดอาหารของมนุษย์ก็ว่าได้ คุณสมบัติต้านการอักเสบ ไบโอฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระ และอีกมากมายซึ่งเกี่ยวโยงกับการรักษาร่างกาย
ง่ายมั๊ยครับ ลองนะ แล้วจะรู้ว่าร่างกายมนุษย์ไม่เกี่ยวกับยาซึ่งเป็นสารเคมีเลยล่ะครับ
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น