1 Aug 2016
Curcumin สารสีเหลืองในขมิ้น:
เครื่องเทศรสร้อนที่ดีกว่ายาสำหรับโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะช่วยต่อสู้กับโรคไขข้ออักเสบ (RA) งานวิจัยล่าสุดในปี 2012 แสดงให้เห็นว่า curcumin สารออกฤทธิ์ในขมิ้นแกงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านไขข้ออักเสบที่มีศักยภาพ..ตามมา!!
การศึกษาทางคลินิกได้ประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของขมิ้นเมื่อใช้ร่วมกับยา NSAID (Voltaren) ในผู้ป่วยที่มี RA ... และผลออกมาดีเกินคาด
!!แนวทางใหม่สำหรับการรักษา RA ด้วยโอกาสที่ดีถึงร้อยละ 60-90 ของอาการที่ดีขึ้น
คนไทยราว 3 ล้านคนที่เป็นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และจำนวนก็เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา..มันคือความเจ็บป่วยร้ายแรงที่มากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างน่าตกใจ โรคนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพเช่นเดียวกับโรคข้อเข่าเสื่อมทั่วไปแต่ชนิดของการรักษาก็เป็นเช่นเดียวกันดังจะกล่าวถึงด้านล่างนี้
!!!ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีโรคไขข้ออักเสบจะมีอัตราความพิการเพิ่มขึ้นแบบก้าวหน้า และวิธีการรักษาที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่ได้มีความสามารถอย่างมีนัยสำคัญที่จะปรับปรุงผลในระยะยาวของโรคนี้แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะจบลงด้วยการฟอกไต
..curcumin ผลที่ดีกว่ายา..
การศึกษานี้พบว่ารูปแบบของ ชีวปริมาณออกฤทธิ์ (bioavailability) ที่สูงของขมิ้นมีประสิทธิภาพมากในการบรรเทาอาการ RA รวมทั้งลดการแข็งตัวและอาการบวมของข้อได้ดีกว่ายา ไม่เพียงเท่านั้น..ผู้ที่ได้รับเพียง curcumin แค่อย่างเดียวก็ได้มีประสบการณ์จริงในการรับรู้ว่าดีวันดีคืน
ในปี 2006 การศึกษาอื่นๆนอกจากนี้ยังพบว่าขมิ้นชัน ลดการอักเสบและการทำลายในข้อโดยการปิดกั้นทางเดินของการอักเสบจึงช่วยป้องกันโปรตีนที่เพิ่มขึ้นในการไปก่อให้เกิดอาการบวมและปวด ขมิ้นเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดสำหรับคุณสมบัติต้านการอักเสบที่มีศักยภาพ มันได้รับการแสดงให้เห็นว่ามีอิทธิพลต่อยีนมากกว่า 700 ยีนและมันสามารถยับยั้งทั้งกิจกรรมที่มากเกินไปและการสังเคราะห์ cyclooxygenase-2 (COX2) และ 5 lipooxygenase (5-LOX) เช่นเดียวกับเอนไซม์อื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอักเสบ
!!! เคล็ดลับเพื่อเพิ่มการดูดซึม Curcumin ของคุณ
หากคุณต้องการที่จะใช้ curcuminในขมิ้นเพื่อรักษา RA ก็สามารถใช้ได้ในรูปแบบอาหารเสริม แต่ต้องใช้ในปริมาณที่ค่อนข้างสูงเพื่อบรรลุผลการรักษาและขมิ้นโดยทั่วไปจะถูกดูดซึมได้ไม่ดี ปริมาณการรักษาโดยทั่วไปจึงสูงถึงสามกรัมของสารสกัดขมิ้นชัน (bioavailable) 3-4 ครั้งต่อวันและนี่คือความยากที่จะบรรลุผลโดยใช้ผงขมิ้นทั่วไป
อีกทางเลือกหนึ่งคือการทำไมโครอิมัลชัน (microemulsion) โดยใช้ผงขมิ้น 1 ช้อนชารวมกับไข่แดง 1-2 ลูกและน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา จากนั้นใช้เครื่องปั่นความเร็วสูงเพื่อทำให้มีอนุภาคที่ดูดซึมได้ง่าย
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มการดูดซึมก็คือการใส่ผงขมิ้นหนึ่ง1 โต๊ะลงน้ำเดือด 250 cc !!! ย้ำ.....น้ำจะต้องเดือดตอนที่คุณใส่ผงขมิ้นเท่านั้น
หลังจากต้มประมาณ 10 นาทีคุณจะได้สารละลายที่ 12% และคุณสามารถดื่มในตอนที่มันเย็นลง ขมิ้นชันจะค่อยๆลดประสิทธิภาพลงในประมาณ 6 ชั่วโมงจนเหลือสารละลายที่ 6%
ดังนั้นจะเป็นการที่สุดคือดื่มใน 4 ชั่วโมง มันจะมีรสชาติเหมือนไม้ต้มแต่ประโยชน์ในการรักษามากกว่ารสชาติอย่างแน่นอน
หลังจากต้มประมาณ 10 นาทีคุณจะได้สารละลายที่ 12% และคุณสามารถดื่มในตอนที่มันเย็นลง ขมิ้นชันจะค่อยๆลดประสิทธิภาพลงในประมาณ 6 ชั่วโมงจนเหลือสารละลายที่ 6%
ดังนั้นจะเป็นการที่สุดคือดื่มใน 4 ชั่วโมง มันจะมีรสชาติเหมือนไม้ต้มแต่ประโยชน์ในการรักษามากกว่ารสชาติอย่างแน่นอน
หนึ่งในข้อควรระวัง: ขมิ้นชันเป็นเม็ดสีเหลืองที่มีศักยภาพมากและถาวรมันสามารถเปลี่ยนสีผิวถ้าคุณไม่ระวัง นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ขมิ้นในการปรุงอาหารของคุณ มันมีรสเผ็ด เลือกผงขมิ้นบริสุทธิ์หรือขมิ้นสด
!!ทำไมคุณจะต้องพึงระวังยากลุ่ม NSAIDs (ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์)
ปัญหาหลักของข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) คือการควบคุมความเจ็บปวด การบรรเทาอาการปวดที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากอย่างเห็นได้ชัดและถ้าไม่ประสบความสำเร็จในการความคุม คุณก็สามารถเข้าสู่วงจรกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของคุณและทำให้ RA ลุกเป็นไฟได้ แต่การรักษาแบบเดิมมักจะรวมถึงการใช้ยาที่อันตรายมากเช่น prednisone, methotrexate และยาที่เป็นปัจจัยในการสร้างเนื้อร้ายเนื้องอกเช่น Enbrel
หลายคนอาจใช้ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ibuprofen (Motrin) ในการจัดการความเจ็บปวดนี้ แต่การใช้ยานี้มีนัยสำคัญของความร้ายแรงมากในด้านผลข้างเคียงรวมถึง :
ปัญหาหลักของข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) คือการควบคุมความเจ็บปวด การบรรเทาอาการปวดที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากอย่างเห็นได้ชัดและถ้าไม่ประสบความสำเร็จในการความคุม คุณก็สามารถเข้าสู่วงจรกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของคุณและทำให้ RA ลุกเป็นไฟได้ แต่การรักษาแบบเดิมมักจะรวมถึงการใช้ยาที่อันตรายมากเช่น prednisone, methotrexate และยาที่เป็นปัจจัยในการสร้างเนื้อร้ายเนื้องอกเช่น Enbrel
หลายคนอาจใช้ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ibuprofen (Motrin) ในการจัดการความเจ็บปวดนี้ แต่การใช้ยานี้มีนัยสำคัญของความร้ายแรงมากในด้านผลข้างเคียงรวมถึง :
-ปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด
-เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร
-ความเสียหายที่ตับและไต
-สูญเสียการได้ยิน
-คลอดก่อนกำหนด
-เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร
-ความเสียหายที่ตับและไต
-สูญเสียการได้ยิน
-คลอดก่อนกำหนด
หากคุณใช้ยา NSAID และคุณมีประวัติของโรคหัวใจ คุณจะ
เพิ่มความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลว (CHF) ถึง 10 เท่าและแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ความเสี่ยงก็ยังคงจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ถ้าคุณใช้ยากลุ่ม NSAIDs
เพิ่มความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลว (CHF) ถึง 10 เท่าและแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ความเสี่ยงก็ยังคงจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ถ้าคุณใช้ยากลุ่ม NSAIDs
!! แผลในทางเดินอาหาร-เป็นอีกความเสี่ยงที่สำคัญและเป็นไปได้ถึงร้อยละ 60 ของผู้ใช้ NSAID ปกติยากลุ่มนี้จะมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับทางเดินอาหารที่บุคลากรทางการแพทย์ก็ทราบกันดี
บรรเทาอาการปวดเป็นสิ่งล้ำค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความเจ็บปวดของโรคข้อต่าง ๆ – ขมิ้นชันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด – ไม่เคยมีใครบอกคุณรึ
บรรเทาอาการปวดเป็นสิ่งล้ำค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความเจ็บปวดของโรคข้อต่าง ๆ – ขมิ้นชันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด – ไม่เคยมีใครบอกคุณรึ
ถ้าคุณเดินมาเกือบจะถึงทางตัน – eGFR ใกล้จะหล่นลงมาที่ 30
ลองหาขมิ้นมาใช้กันดูก็ไม่น่าจะเสี่ยงอะไร
ลองหาขมิ้นมาใช้กันดูก็ไม่น่าจะเสี่ยงอะไร
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น