วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

ความดันโลหิตสูงไม่ใช่..โรค

30 Mar 2017

ตอน ความดันโลหิตสูงไม่ใช่..โรค
ไม่มีสัตว์สายพันธุ์ใดบนโลกใบนี้ที่ไม่จัดระเบียบการทำงานของร่างกาย : การทำงานในที่นี้หมายถึง การย่อยอาหาร การควบคุมความดันโลหิต การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล ระดับฮอร์โมน เป็นต้น...ไม่มีกระรอกตัวใดที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ไม่มีหมีตัวใดที่มีความดันโลหิตสูง ไม่มีกวางตัวใดที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง มันเป็นกฎทางธรรมชาติเช่นเดียวกับแรงโน้มถ่วงของโลก สัตว์ทุกตัวรวมถึง...มนุษย์จำเป็นต้องได้รับสารอาหาร กำจัดสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ ขับเคลื่อนระบบภูมิคุ้มกัน สร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมตัวเอง
............................................................................................
เผ่าพันธุ์ใดที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่พื้นฐานเหล่านี้ได้จะไม่สามารถอยู่รอดได้ เผ่าพันธุ์ใดที่ต้องใช้ยาเพื่อขับเคลื่อนหน้าที่พื้นฐานนี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่..ป่วย
............................................................................................
เราถูกปลูกฝังโดยสื่อว่า..ยาไม่เพียงแค่ดีต่อตัวคุณแต่ถ้าคุณต้องการมีสุขภาพที่ดีกว่า..คุณต้องกินยาและหลักการทางการแพทย์ในปัจจุบันได้ตกหลุมลึกไปกับวิธีการพื้นฐานที่ว่า : อาการ = ยา และผู้คนในปัจจุบันถูกวินิจฉัยและได้รับยามากินโดยไม่ได้รับคำอธิบายถึงสาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของอาการ ระบบการดูแลสุขภาพในปัจจุบันขาดมุมมองที่ว่า : ร่างกายมีระบบการดูแลตัวเองตามธรรมชาติ
ความดันโลหิตสูงไม่ใช่..โรค แต่เป็นเงื่อนไขการทำงานของร่างกาย ความดันโลหิตของคุณจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับหลายเหตุผล สภาพแวดล้อมและเงื่อนไข ผู้คนสามารถกินยาลดความดันโลหิตเพื่อลดความดันแต่สิ่งนี้จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีและยืนยาวได้จริงหรือ !! หรือว่าแค่ลดความดันโลหิตแต่นำไปสู่โรคอื่น ๆ
ดังนั้น การตอบคำถามที่ดีที่สุดก็คือการศึกษาถึงผลข้างเคียงของยาลดความดันโลหิตและต่อไปนี้คือผลข้างเคียงที่เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ให้บริการทางการแพทย์ :
หอบหืด
มือและเท้าชา
ภาวะซึมเศร้า
หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ปัญหานอนไม่หลับ
อาการวิงเวียนศีรษะ
ใจสั่น
ข้อเท้าบวม
โลหิตจาง
ท้องผูก
ปากแห้ง
เป็นไข้
อุจจาระร่วง
กรดไหลย้อน
การกักเก็บของเหลวในเซลล์
ปวดเมื่อย
บวมรอบดวงตา
อาการคัดจมูก
..ทำไมผลข้างเคียงถึงได้มากมายขนาดนี้ มาใช้ “จินตนาการ” กันดีไหม..
สิ่งที่แพทย์หลายท่านมักจะลืมและบุคคลทั่วไปไม่ทราบก็คือ ความดันโลหิตมีการเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณโลหิตที่ร่างกายต้องการในขณะใดขณะหนึ่ง เมื่อร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้นความดันโลหิตก็จะสูงขึ้นอาทิขณะออกกำลังกาย เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์สูงความดันโลหิตก็จะสูงตามและนอกจากนี้ลักษณะทางกายภาพ ทางเคมี อารมณ์และความเครียดก็มีส่วนในการเพิ่มความดันโลหิตเช่นกัน
เนื่องจากหน้าที่การทำงานของเลือดมีมากมายรวมทั้งนำออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและขนส่งคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาฟอก ขนส่งระบบภูมิคุ้มกัน รักษาระดับความเป็นกรด-ด่าง เป็นต้น และเมื่อคุณลดความดันโลหิตด้วยสารเคมีจากคำวินิจฉัยว่าคุณมีความดันโลหิตสูง นั่นก็เท่ากับคุณไปลดหน้าที่การทำงานของเลือด..ใช่หรือไม่!!
..จินตนาการ..
เมื่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้รับอากาศและสารอาหารลดลง คุณจะมีพลังงานลดลง รู้สึกซึมเศร้า มือเท้าชา และเพิ่มความเจ็บปวดในที่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ !!
นี่คือผลที่ตามมาหรือมักจะเรียกว่า ผลข้างเคียงจากยาและยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพูดถึงสมอง..สมอง ..สมอง..พวกเขาใช้ออกซิเจนถึง 25% ของทั้งหมดที่ร่างกายต้องใช้ เมื่อสมองต้องการสารอาหารและอากาศจากเลือดแต่ยาไปลดสิ่งเหล่านี้..นี่คือเบื้องหลังของโรคสมองเสื่อมที่เพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลาหรือไม่..!!
................................................................................
คำกล่าวที่ว่า “ความดันโลหิตสูงเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดในสมองตีบ แตก” ไม่แตกต่างไปจากการกล่าวว่า “แมลงสาบก่อให้เกิดขยะ”
................................................................................
การใช้ยาลดความดันโลหิตก็ไม่ต่างไปจากการใช้สารเคมีเพื่อกำจัดแมลงสาบโดยไม่กำจัดขยะ นั่นคือไม่ได้แก้ที่สาเหตุอันเป็นรากฐานของปัญหา
!! ในความเป็นจริง โรคหลอดเลือดในสมองและโรคหัวใจมาจากวิถีชีวิตที่ทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยขยะ สารเคมีและสิ่งแปลกปลอม จากนั้นเลือดจะข้นและสกปรกซึ่งนำไปสู่การทำลายผนังหลอดเลือดและมีความจำเป็นที่ความดันโลหิตจะต้องสูงขึ้นเพื่อการนำสารอาหารและอากาศไปยังเนื้อเยื่อ..ใช่หรือไม่ !! และนี่คือ การรักษาตัวเองของร่างกาย..
ครั้งต่อไปที่แพทย์ของท่านจ่ายยาลดความดันโลหิตให้แก่ท่าน ลองถามคำถามเหล่านี้ดูนะครับ
- ทำไมความดันโลหิตของข้าพเจ้าถึงได้สูง
- มีอะไรผิดปรกติเกี่ยวกับระบบความดันโลหิตของข้าพเจ้า
และคำถามที่สำคัญที่สุดที่ควรถามคือ...
!! ยาลดความดันโลหิตนี้จะทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีกว่าใช่หรือไม่..!!
...................................................................................
..ถ้าไม่มีคำตอบจากเลขหมายที่ท่านเรียก...กรุณาเปลี่ยนแนวกันได้แล้วนะ
...................................................................................
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น