อันนี้ใครเอาแต่กด Like แต่ไม่อ่าน ก็เป็นสุขภาพของท่านและคนที่ท่านรักไม่เกี่ยวกับผม และผมขอโทษครับที่ Article นี้มาช้า ผมเข้าใจเอาเองว่าท่านทั้งหลายคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่บังเอฺิญเจอกับคุณต่อในงานศพคุณพ่อของคุณต่อ หมอที่ปรึกษาของท่านบอกให้ลูกของท่านดื่มนมเยอะๆ ผมได้ยินแล้วขนหัวลุกเลยครับ เลยต้องรื้อความรู้เมื่อ 5 ปีที่แล้วมาดำเนินรายการ "หมอนอกกะลา" งานชิ้นนี้ผมไม่ได้เรียบเรียงเองครับ หยิบของหลายท่านซึ่งคงจะได้อ่านหนังสือเล่มเดียวกันกับผม และขอยกเครดิตกับท่านเหล่านันไว้ด้วย จำไว้นะครับ อย่าเอาสุขภาพไปฝากกับคนที่ รู้จักแต่โรคกับยา เข้าสู่รายการกันเลยครับ
More Clinical Proof Milk Kills -Roger Mason
Milk and dairy products are the worst, most allergenic, harmful foods you can eat. Everyone over the age of three is lactose intolerant. Casein is proven to promote cancer and other diseases. People who eat dairy products live much shorter lives and have much worse health than those who don’t. That’s right, dairy product intake is a major factor in all-cause mortality. คนนี้เขียนไว้น่าอ่านมากครับไปหาอ่านกันดูครับ
ต่อไปเป็นของชาวไทย อาจมีคำไม่สุภาพอยู่บ้างซึ่งสำหรับผม ๆ ไม่นิยมครับแต่เพื่อรักษาเจตนารมณ์ของท่านเหล่านั้น และได้ตัดอาหารบางส่วนที่ท่านเหล่านั้นแนะนำแต่ผมเห็นว่ายังคงเป็นอันตรายต่อชีวิตคนไทยอยู่ดี วันนี้ขอบำเพ็ญ พรหมวิหารทั้งสี่ครับ
ขอเริ่มต้นด้วยประโยคค่อนข้างรุนแรงอย่างนี้แหละครับ
เพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ คนไทยถูกบริษัทขายนมปลูกฝังความคิดว่านมวัวเป็นอาหารที่สุดเลิศ
เด็กน้อยจะแข็งแรงตัวสูงและฉลาด ต้องดื่มนมวัว อืมโฆษณาล่าสุดที่ผมนึกได้ คือ ไม่เสียแรงเปล่า
ที่เราดื่มนม เด็กผู้หญิงน่ารักท่าทางแข็งแรง สะพายเป้ไว้ข้างหลังเดินขึ้นเนินด้วยความคล่องแคล่ว
เจอเด็กผู้ชายกำลังลากเป้ขึ้นเนิน แล้วเด็กผู้หญิงก็เอาเป้เด็กผู้ชายมาสะพายข้างหน้าเดินขึ้นเนินพร้อม
2 เป้ ด้วยความแคล่วคล่องว่องไว..และจบด้วย.. ไม่เสียแรงเปล่า ที่เราดื่มนม
นี่มันเทคนิคการโฆษณา เทคนิคทางการตลาดชัดๆ แน่จริงเอางานวิจัยมาว่ากันสิ
เด็กน้อยจะแข็งแรงตัวสูงและฉลาด ต้องดื่มนมวัว อืมโฆษณาล่าสุดที่ผมนึกได้ คือ ไม่เสียแรงเปล่า
ที่เราดื่มนม เด็กผู้หญิงน่ารักท่าทางแข็งแรง สะพายเป้ไว้ข้างหลังเดินขึ้นเนินด้วยความคล่องแคล่ว
เจอเด็กผู้ชายกำลังลากเป้ขึ้นเนิน แล้วเด็กผู้หญิงก็เอาเป้เด็กผู้ชายมาสะพายข้างหน้าเดินขึ้นเนินพร้อม
2 เป้ ด้วยความแคล่วคล่องว่องไว..และจบด้วย.. ไม่เสียแรงเปล่า ที่เราดื่มนม
นี่มันเทคนิคการโฆษณา เทคนิคทางการตลาดชัดๆ แน่จริงเอางานวิจัยมาว่ากันสิ
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมวัวครับ
แต่ใช้น้ำจากอกแม่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ (.ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเปรียบเหมือน) มากกว่า 30 ปีที่คนไทยโดนหลอกจะด้วยตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่า ไม่ถึงการทำให้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า นมวัวคืออาหารจำเป็นสำหรับเด็กทุกคนจะขาดเสียไม่ได้
แต่ใช้น้ำจากอกแม่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ (.ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเปรียบเหมือน) มากกว่า 30 ปีที่คนไทยโดนหลอกจะด้วยตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่า ไม่ถึงการทำให้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า นมวัวคืออาหารจำเป็นสำหรับเด็กทุกคนจะขาดเสียไม่ได้
ไม่จริงหรอกครับ ก็แค่โปรตีนกะแคลเซียมในนม อาหารไทยๆของเราอย่างอื่นก็มีครับ น่องไก่1ชิ้นมีโปรตีนมากกว่านม 1 กล่องครับ ไข่ไก่ 1ฟอง แคลเซียมในปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง กุ้งเสียบ มีมากกว่านมเป็น 10 เท่า
ประมาณ พ.ศ.2500 มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์เอาหางนมวัวมาบริจาคให้เด็กไทยสมัยนั้น นัยว่าฝรั่งสงสารเด็กไทยที่มีปัญหาขาดสารอาหาร
แต่จริงๆคือการระบายหางนมที่ฝรั่งช้อนเอาเนยไปกินหมดแล้ว แทนที่เขาจะเอาหางนมไปทิ้งทะเล ก็บริจาคให้เด็กไทยกินจะได้ดูเป็นการกุศล แต่มีวาระซ้อนเร้นคือการอ่อยเหยื่อ ? ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว
อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เล่าว่า ในสมัยนั้นเด็กไทยที่ดื่มนมวัวบริจาคพากันท้องเสียหมดเพราะว่าเด็กไทยไม่คุ้นเคยกับน้ำตาลและโปรตีนในนม นั่นคือ เด็กไทยแพ้นมวัว แต่เรื่องดังกล่าวถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหา ก็ให้เด็กค่อยๆชินกับนมวัวทีละนิดจนดูเหมือนเด็กจะดื่มนมได้
การบริจาคครั้งนั้นจึงเป็นการเปิดทางให้ฝรั่งขายนมวัวให้กับเมืองไทยนั่นเอง
แต่จริงๆคือการระบายหางนมที่ฝรั่งช้อนเอาเนยไปกินหมดแล้ว แทนที่เขาจะเอาหางนมไปทิ้งทะเล ก็บริจาคให้เด็กไทยกินจะได้ดูเป็นการกุศล แต่มีวาระซ้อนเร้นคือการอ่อยเหยื่อ ? ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว
อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เล่าว่า ในสมัยนั้นเด็กไทยที่ดื่มนมวัวบริจาคพากันท้องเสียหมดเพราะว่าเด็กไทยไม่คุ้นเคยกับน้ำตาลและโปรตีนในนม นั่นคือ เด็กไทยแพ้นมวัว แต่เรื่องดังกล่าวถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหา ก็ให้เด็กค่อยๆชินกับนมวัวทีละนิดจนดูเหมือนเด็กจะดื่มนมได้
การบริจาคครั้งนั้นจึงเป็นการเปิดทางให้ฝรั่งขายนมวัวให้กับเมืองไทยนั่นเอง
จากการศึกษาของรพ.จุฬาลงกรณ์ และ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ พบว่า
ถ้าเทียบอัตราแพ้นมวัวเฉพาะในเด็กทารกกับทารกด้วยกันเองจะพบว่า ตัวเลขของอาการแพ้นมวัวมีมากถึง 50%
ของทารกที่ดื่มนมวัว
ถ้าเทียบอัตราแพ้นมวัวเฉพาะในเด็กทารกกับทารกด้วยกันเองจะพบว่า ตัวเลขของอาการแพ้นมวัวมีมากถึง 50%
ของทารกที่ดื่มนมวัว
แบลงก้า-มาเรียและคณะ พบว่า เด็กทารกที่มีคนในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้
หากดื่มนมวัวจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ 20% แต่ถ้าดื่มนมแม่แต่เพียงอย่างเดียว อัตราเสี่ยงต่อภูมิแพ้จะมีเพียง 0.5-1.5% เท่านั้น
หากดื่มนมวัวจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ 20% แต่ถ้าดื่มนมแม่แต่เพียงอย่างเดียว อัตราเสี่ยงต่อภูมิแพ้จะมีเพียง 0.5-1.5% เท่านั้น
ในอังกฤษ มีการศึกษาในเด็ก 1,456 คน พบว่าหากเด็กดื่มนมแม่นานกว่า 3 เดือน
เด็กจะป่วยด้วยโรคหอบหืด 10.3% หากดื่มนมแม่น้อยกว่านั้นจะเกิดหอบหืด 17.1%
เด็กจะป่วยด้วยโรคหอบหืด 10.3% หากดื่มนมแม่น้อยกว่านั้นจะเกิดหอบหืด 17.1%
มีงานวิจัยหลายสิบชิ้นตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ทั่วโลกยืนยันเรื่องการดื่มนมส่งผลต่อโรคภูมิแพ้
รวมทั้งงานวิจัยของ ศ.นพ.สุขสวัสดิ์ เพ็ญสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ท่านทดลองให้พลทหารไทยดื่มนม แล้วส่องกล้องดูลำไส้ ปรากฏว่าพลทหารเหล่านั้นต่างมีเยื่อเมือกลำไส้บวมหมดทั้ง 100% ของกลุ่มผู้รับการทดลอง
รวมทั้งงานวิจัยของ ศ.นพ.สุขสวัสดิ์ เพ็ญสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ท่านทดลองให้พลทหารไทยดื่มนม แล้วส่องกล้องดูลำไส้ ปรากฏว่าพลทหารเหล่านั้นต่างมีเยื่อเมือกลำไส้บวมหมดทั้ง 100% ของกลุ่มผู้รับการทดลอง
ถึงตอนนี้ท่านคงตั้งคำถามว่าอะไรในนมวัว ที่ทำให้เด็กแพ้ มีอย่างน้อย 2 อย่างครับคือ 1.โปรตีนในนมชื่อว่า เบต้าแล็กโตโกลบูลิน 2.น้ำตาลในนมที่เรียกว่า แล็กโตส
เบต้าแล็กโตโกลบูลิน เป็นโปรตีนที่มีในนมวัว แต่ไม่มีในนมแม่
เนื่องจากโปรตีนในนมวัวตัวนี้เป็นโปรตีนขนาดเล็กจึงสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดของร่างกายได้ทั้งสาย โดยไม่ต้องย่อยให้เป็นกรดอะมิโนเสียก่อนแบบที่เราเคยเข้าใจ สมัยก่อนเราคิดว่าโปรตีนอะไรก็ตามจะไม่เข้าไปทั้งสายเต็มรูป นั่นคือโปรตีนทั้งหลายหากจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะต้องถูกน้ำย่อยทำให้แตกตัวออกเป็นกรดอะมิโนก่อน แต่ปัจจุบันความเชื่อนี้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์มีความรู้มากขึ้น เขาก็รู้ว่าโปรตีนบางชนิดมีขนาดเล็ก เช่น โปรตีนในนม กระทั่งโปรตีนที่เป็นเอนไซม์บางตัวสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายโดยคงรูปไว้เช่นเดิม ดังนั้นโปรตีนในนมวัวจึงเข้าไปเป็นโปรตีนแปลกปลอมในร่างกาย
และหากโปรตีนแปลกปลอมอย่างเบต้าแล็กโตโกลบูลินในน้ำนมวัวเกิดเข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายก็จะโต้ตอบโดยมีปฏิกิริยาของภูมิแพ้
การที่แพ้น้ำตาลในนมวัว ที่แพ้เพราะแล็กโตส ข้อเท็จจริงแล็กโตสเป็นน้ำตาลในนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกประเภท ในน้ำนมคนก็มี น้ำตาลนี้ถูกย่อยโดยเอนไซม์แล็กเตส ได้เป็นกลูโคสและกาแล็กโตส ร่างกายเราใช้น้ำตาลแล็กโตสไม่ได้แต่ใช้ น้ำตาลกลูโคสและกาแล็กโตสได้ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงคนเรา เมื่อเกิดมาใหม่ๆ ทารกต้องดื่มนมเป็นหลัก ธรรมชาติก็ให้น้ำย่อยมาย่อยนมในลำไส้
แต่เมื่อเด็กโตขึ้นหรือสัตว์โตขึ้น เอนไซม์แล็กเตสก็จะหายไป และจะหายไปหมดเมื่อเด็กอายุประมาณ 2 ปี นี่คือสัญญาณทางธรรมชาติที่บอกว่า เด็กควรงดดื่มนมได้แล้วเมื่ออายุมากกว่า 2 ปี ท่านเคยเห็นสัตว์ที่โตแล้วอะไรบ้างที่ดื่มนม นอกจากมนุษย์ แล้วนมวัวสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้อย่างไร ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเรามีวิธีจัดการกับโปรตีนแปลกปลอมหรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆอย่างไร
ร่างกายเราจะนำอิมมูโนโกลบูลินหรือสารที่ทำหน้าที่ต้านทานชนิดหนึ่ง ไปจับกับสารแปลกปลอมเอาไว้ซึ่งอิมมูโนโกลบูลินที่ร่างกายใช้กำราบสารแปลกปลอมคือ IgA หากเด็กดื่มนมวัวเข้าไป ร่างกายจะเอา IgA ไปจับกับโปรตีนจากนมวัวสายนี้เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้โปรตีนแปลกปลอมรุกล้ำเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแแพ้ที่อาจจะเป็นอันตรายได้ หากดื่มนมวัวเป็นประจำและดื่มเป็นจำนวนมาก ร่างกายก็จะเปลือง IgA มาก และเมื่อ IgA ถูกขนไปเรียงรายตลอดความยาวของลำไส้ IgA ที่อยู่แถวเนื้อเยื่ออ่อนของทางเดินหายใจและผิวหนังก็จะมีน้อยกว่าปกติ จนไม่อาจต้านทานโปรตีนแปลกปลอมอื่นที่อาจเข้าสู่ร่างกายทางนี้ได้ ยิ่งถ้าเป็นภูมิแพ้โดยกรรมพันธุ์อยู่แล้ว จะมี IgA ในร่างกายน้อยกว่าชาวบ้านเค้าก็เสร็จกันสิ ความเสี่ยงของอาการแพ้อากาศและผื่นแพ้ที่ผิวหนังก็มากขึ้นตามไปด้วย และต่อไปนี้ห้ามเยาวชนอ่านครับ
เบต้าแล็กโตโกลบูลิน เป็นโปรตีนที่มีในนมวัว แต่ไม่มีในนมแม่
เนื่องจากโปรตีนในนมวัวตัวนี้เป็นโปรตีนขนาดเล็กจึงสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดของร่างกายได้ทั้งสาย โดยไม่ต้องย่อยให้เป็นกรดอะมิโนเสียก่อนแบบที่เราเคยเข้าใจ สมัยก่อนเราคิดว่าโปรตีนอะไรก็ตามจะไม่เข้าไปทั้งสายเต็มรูป นั่นคือโปรตีนทั้งหลายหากจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะต้องถูกน้ำย่อยทำให้แตกตัวออกเป็นกรดอะมิโนก่อน แต่ปัจจุบันความเชื่อนี้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์มีความรู้มากขึ้น เขาก็รู้ว่าโปรตีนบางชนิดมีขนาดเล็ก เช่น โปรตีนในนม กระทั่งโปรตีนที่เป็นเอนไซม์บางตัวสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายโดยคงรูปไว้เช่นเดิม ดังนั้นโปรตีนในนมวัวจึงเข้าไปเป็นโปรตีนแปลกปลอมในร่างกาย
และหากโปรตีนแปลกปลอมอย่างเบต้าแล็กโตโกลบูลินในน้ำนมวัวเกิดเข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายก็จะโต้ตอบโดยมีปฏิกิริยาของภูมิแพ้
การที่แพ้น้ำตาลในนมวัว ที่แพ้เพราะแล็กโตส ข้อเท็จจริงแล็กโตสเป็นน้ำตาลในนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกประเภท ในน้ำนมคนก็มี น้ำตาลนี้ถูกย่อยโดยเอนไซม์แล็กเตส ได้เป็นกลูโคสและกาแล็กโตส ร่างกายเราใช้น้ำตาลแล็กโตสไม่ได้แต่ใช้ น้ำตาลกลูโคสและกาแล็กโตสได้ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงคนเรา เมื่อเกิดมาใหม่ๆ ทารกต้องดื่มนมเป็นหลัก ธรรมชาติก็ให้น้ำย่อยมาย่อยนมในลำไส้
แต่เมื่อเด็กโตขึ้นหรือสัตว์โตขึ้น เอนไซม์แล็กเตสก็จะหายไป และจะหายไปหมดเมื่อเด็กอายุประมาณ 2 ปี นี่คือสัญญาณทางธรรมชาติที่บอกว่า เด็กควรงดดื่มนมได้แล้วเมื่ออายุมากกว่า 2 ปี ท่านเคยเห็นสัตว์ที่โตแล้วอะไรบ้างที่ดื่มนม นอกจากมนุษย์ แล้วนมวัวสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้อย่างไร ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเรามีวิธีจัดการกับโปรตีนแปลกปลอมหรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆอย่างไร
ร่างกายเราจะนำอิมมูโนโกลบูลินหรือสารที่ทำหน้าที่ต้านทานชนิดหนึ่ง ไปจับกับสารแปลกปลอมเอาไว้ซึ่งอิมมูโนโกลบูลินที่ร่างกายใช้กำราบสารแปลกปลอมคือ IgA หากเด็กดื่มนมวัวเข้าไป ร่างกายจะเอา IgA ไปจับกับโปรตีนจากนมวัวสายนี้เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้โปรตีนแปลกปลอมรุกล้ำเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแแพ้ที่อาจจะเป็นอันตรายได้ หากดื่มนมวัวเป็นประจำและดื่มเป็นจำนวนมาก ร่างกายก็จะเปลือง IgA มาก และเมื่อ IgA ถูกขนไปเรียงรายตลอดความยาวของลำไส้ IgA ที่อยู่แถวเนื้อเยื่ออ่อนของทางเดินหายใจและผิวหนังก็จะมีน้อยกว่าปกติ จนไม่อาจต้านทานโปรตีนแปลกปลอมอื่นที่อาจเข้าสู่ร่างกายทางนี้ได้ ยิ่งถ้าเป็นภูมิแพ้โดยกรรมพันธุ์อยู่แล้ว จะมี IgA ในร่างกายน้อยกว่าชาวบ้านเค้าก็เสร็จกันสิ ความเสี่ยงของอาการแพ้อากาศและผื่นแพ้ที่ผิวหนังก็มากขึ้นตามไปด้วย และต่อไปนี้ห้ามเยาวชนอ่านครับ
คำบรรยายโดย คุณหมอ อารีย์ วชิรมโน
"นม....ปลอดโรคหรือเพิ่มโรค
ไม่ทราบว่าทราบกันหรือยังหรือว่าต้องการเอานมนั้นมาเป็นปัญหาเรื่องได้กินกัน หรือเรื่องจะคอรัปชั่น ก็ไม่ทราบครับ นมในที่นี้ไม่ได้หมายความนมจากเต้าของท่านนะครับ แต่คือนมจากนมวัว นมสัตว์ครับ นมสัตว์เป็นนมที่มีพิษมหาศาลเลย นมที่ท่านดื่มได้และใกล้เคียงกับนมของมนุษย์มากที่สุดคือ นมแพะ นมแกะ
ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ แต่ถ้าเอามาเลี้ยงตามที่เขาเลี้ยงกันทุกวันนี้ ทานไม่ได้ครับ สารพิษมหาศาล ยิ่งนมวัวนี่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ฮอร์โมน เห็นไหมฮะ สารกระตุ้นมีครบหมด พวกปฏิชีวนะติดมาหมดครับ ทุกวันนี้พวกท่านที่ทานนมทั้งหลายนั้นมะเร็งกันสลอนเลยครับ อย่าโกรธนะครับท่านที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูกอย่าโกรธนะครับ นมพวกนั้นแหละช่วยให้ท่านเป็นมะเร็งได้ง่ายมากเลยครับ ทานแต่ละทีมีทั้งเนื้อทั้งนม เสร็จเลยครับติดเข้าไป ไม่ใช่แค่ฮอร์โมน ปฏิชีวนะ มีสิ่งต่างๆเยอะแยะติดเข้าไปในนั้น สำคัญที่สุดในนมนะฮะ โปรตีนในนมวัวมันมีโปรตีนสูงมากโดยเฉพาะโปรตีนเคซีนในนมวัว มันมีสูงมาก สูงกว่านมมนุษย์ถึง 4 เท่า นอกจากมีโปรตีนสูงแล้วยังมีแคลเซียมสูง มนุษย์เราไม่มีเอนไซม์ที่จะมาย่อยโปรตีนจากนมวัวที่มันมีมากมหาศาลนี้ได้ เพราะฉะนั้นพอเด็กทานเข้าไปท้องจะเสีย แล้วทีนี้นมวัวคนชอบให้ทานเพราะอะไร เพราะว่าโปรตีนกับแคลเซียมทำให้ร่างกายเจริญเติบโตเร็ว แต่นั้นคือสัตว์ครับ สัตว์มันต้องโตเร็ว
ไม่ทราบว่าทราบกันหรือยังหรือว่าต้องการเอานมนั้นมาเป็นปัญหาเรื่องได้กินกัน หรือเรื่องจะคอรัปชั่น ก็ไม่ทราบครับ นมในที่นี้ไม่ได้หมายความนมจากเต้าของท่านนะครับ แต่คือนมจากนมวัว นมสัตว์ครับ นมสัตว์เป็นนมที่มีพิษมหาศาลเลย นมที่ท่านดื่มได้และใกล้เคียงกับนมของมนุษย์มากที่สุดคือ นมแพะ นมแกะ
ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ แต่ถ้าเอามาเลี้ยงตามที่เขาเลี้ยงกันทุกวันนี้ ทานไม่ได้ครับ สารพิษมหาศาล ยิ่งนมวัวนี่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ฮอร์โมน เห็นไหมฮะ สารกระตุ้นมีครบหมด พวกปฏิชีวนะติดมาหมดครับ ทุกวันนี้พวกท่านที่ทานนมทั้งหลายนั้นมะเร็งกันสลอนเลยครับ อย่าโกรธนะครับท่านที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูกอย่าโกรธนะครับ นมพวกนั้นแหละช่วยให้ท่านเป็นมะเร็งได้ง่ายมากเลยครับ ทานแต่ละทีมีทั้งเนื้อทั้งนม เสร็จเลยครับติดเข้าไป ไม่ใช่แค่ฮอร์โมน ปฏิชีวนะ มีสิ่งต่างๆเยอะแยะติดเข้าไปในนั้น สำคัญที่สุดในนมนะฮะ โปรตีนในนมวัวมันมีโปรตีนสูงมากโดยเฉพาะโปรตีนเคซีนในนมวัว มันมีสูงมาก สูงกว่านมมนุษย์ถึง 4 เท่า นอกจากมีโปรตีนสูงแล้วยังมีแคลเซียมสูง มนุษย์เราไม่มีเอนไซม์ที่จะมาย่อยโปรตีนจากนมวัวที่มันมีมากมหาศาลนี้ได้ เพราะฉะนั้นพอเด็กทานเข้าไปท้องจะเสีย แล้วทีนี้นมวัวคนชอบให้ทานเพราะอะไร เพราะว่าโปรตีนกับแคลเซียมทำให้ร่างกายเจริญเติบโตเร็ว แต่นั้นคือสัตว์ครับ สัตว์มันต้องโตเร็ว
แต่เราเป็นมนุษย์ ในนมมนุษย์นั้นโปรตีนมีน้อยเป็นพวกโกโบรลิน แคลเซียมก็มีน้อย แต่มีฟอสฟอรัสสูง ฟอสฟอรัสในนมคนมันต้องเอามาพัฒนาสมองและระบบประสาท ซึ่งมีสูงกว่านมวัว เพราะว่ามนุษย์เราเนี่ย ต้องพัฒนาสมองหรือระบบประสาทก่อนที่จะมาพัฒนาการความเจริญเติบโตของร่างกาย
โดยพัฒนาร่างกายไปช้าๆ เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ แต่สัตว์มีสมองหรือประสาทเติบโตช้า เพราะมีฟอสฟอรัสน้อย แต่ร่างกายเติบโตเร็ว ทีนี้พวกมนุษย์โง่ทั้งหลาย พวกเราทั้งหลาย อย่างพวกหมอหมาอย่างผมเนี่ย เรียนมาผิด อยากโตเร็วนะต้องกินนมเป็นไงครับ โตแต่ตัวแต่สมองเป็นไงครับ เห็นไหม เด็กทุกวันนี้ทำไมการวิจัยบอกว่าไอคิวต่ำ แต่ตัวเท่ายักษ์ ตัวใหญ่ก็บอกว่าเด็กเจริญเติบโตดี
สนับสนุนให้กินนม
คอรัปชั่นเรื่องนมยังไม่พอ ยังเอาสารพิษมาให้ลูกหลานกินกันอีก นี่แหละครับผมจะบอกให้ เพราะฉะนั้น วันนี้ผมต้องขอโทษครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นหมอเหมือนกับผมทุกคนด้วยครับ
เพราะผมใช้คำพูดค่อนข้างรุนแรง แต่ผมไม่ได้ด่าอาจารย์นะครับ คือผมด่าทั้งหมดรวมทั้งตัวผม
เพราะผมก็โง่เหมือนกัน เมื่อก่อนนี้ เอะอะก็กิน เนื้อ นม ไข่ อยู่นั่นแหละครับ
โง่จนมะเร็งรับประทานไปเลย นี่นับว่ายังโชคดีกลับตัวทัน
โดยพัฒนาร่างกายไปช้าๆ เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ แต่สัตว์มีสมองหรือประสาทเติบโตช้า เพราะมีฟอสฟอรัสน้อย แต่ร่างกายเติบโตเร็ว ทีนี้พวกมนุษย์โง่ทั้งหลาย พวกเราทั้งหลาย อย่างพวกหมอหมาอย่างผมเนี่ย เรียนมาผิด อยากโตเร็วนะต้องกินนมเป็นไงครับ โตแต่ตัวแต่สมองเป็นไงครับ เห็นไหม เด็กทุกวันนี้ทำไมการวิจัยบอกว่าไอคิวต่ำ แต่ตัวเท่ายักษ์ ตัวใหญ่ก็บอกว่าเด็กเจริญเติบโตดี
สนับสนุนให้กินนม
คอรัปชั่นเรื่องนมยังไม่พอ ยังเอาสารพิษมาให้ลูกหลานกินกันอีก นี่แหละครับผมจะบอกให้ เพราะฉะนั้น วันนี้ผมต้องขอโทษครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นหมอเหมือนกับผมทุกคนด้วยครับ
เพราะผมใช้คำพูดค่อนข้างรุนแรง แต่ผมไม่ได้ด่าอาจารย์นะครับ คือผมด่าทั้งหมดรวมทั้งตัวผม
เพราะผมก็โง่เหมือนกัน เมื่อก่อนนี้ เอะอะก็กิน เนื้อ นม ไข่ อยู่นั่นแหละครับ
โง่จนมะเร็งรับประทานไปเลย นี่นับว่ายังโชคดีกลับตัวทัน
คำบรรยายโดย คุณหมอ อารีย์ วชิรมโน
ขอจบรายการ "หมอนอกกะลา"เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าท่านคงได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น