วันนี้ผมมีความทุกข์ใจอยู่พอสมควร ด้วยหลายประ แต่ละเรื่องล้วนไม่เกี่ยวกับตัวผมแทบทั้งสิ้น ถ้าผมเพียงบำเพ็ญ อุเบกขาให้ถึงขีดสุด ก็ตัวผมเท่านั้นที่สงบ สบาย แต่เมื่อวิปัสนาถึง พรหมวิหารทั้งสีแล้ว ก็เลยต้องมานั่งพิมพ์อยู่นี่แหละครับ วันนี้ผมทราบข่าวว่าคนใกล้บ้านผูกคอตายด้วยเหตุจากการเป็นโรคสะเก็ดเงิน รักษามาหลายปี ทั่วไทย ยาที่บ้านมีเป็นเข่ง รวมถึงไสยศาสตร์ ผมรู้สึกทุกข์ใจไปพักใหญ่ แล้วก็นึกตำหนิ วงการสาธารณะสุขไทยว่าไอ้โรคกระจอกแค่นี้ต้องทำให้เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายกันเลยหรือ วันนี้ผมขอลงสองภาพ ภาพหนังสือที่เห็นนั้นเป็นตำราที่อารยะประเทศเขาใช้บำบัด Psoriasis ก็โรคนี้แหละครับ วันนี้ขออาสาเป็นผู้ดำเนินรายการ " หมอนอกกะลา " เพื่อพาหมอที่เช้าอยู่คลินิค สายเข้าเวร เที่ยง อยู่คลินิค บ่ายเข้าเวร ค่ำอยู่คลินิค แล้วก็ทำให้โรงพยาบาลไม่มีที่จะจอดรถ
ทั้งหลาย รวมถึงเราๆท่านๆทีกำลังเผชิญโรคนี้อยู่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ และลบล้างความเชื่อหมอไทยว่าโรคนี้รักษาไม่หายเสียที ส่วนภาพเด็กสาวคนนี้อาจจะเป็นญาติใครผมไม่ทราบ แต่เธอเป็นผู้ป่วยที่ผมบำบัดหายดีแล้วจาก Psoriasis เธอบอกว่าๆทานยามาตั้งแต่เด็กก็ไม่หาย สิ่งเดียวที่เธอโกรธผมคือ เธอไม่ได้เกาศีรษะอีกแล้ว เธอติดการเกาศีรษะเข้าแล้วครับ จากนี้ชีวิตเธอก็ไม่ต้องจบลงเช่นคนเมื่อเช้านี้ ผมโกรธหมอจนอยากใช้คำหยาบๆคายๆเพื่อให้ได้สะใจผม แต่นี่เป็นสื่อสาธารณะ เมื่อวิปัสนาแล้ว และเห็นว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง และต่อไปนี้เป็นความรู้ ทั้งของไทยที่รักษาปลายเหตุ และของอารยะประเทศที่เขารักษาผู้ป่วยเขาหายครับ
ทั้งหลาย รวมถึงเราๆท่านๆทีกำลังเผชิญโรคนี้อยู่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ และลบล้างความเชื่อหมอไทยว่าโรคนี้รักษาไม่หายเสียที ส่วนภาพเด็กสาวคนนี้อาจจะเป็นญาติใครผมไม่ทราบ แต่เธอเป็นผู้ป่วยที่ผมบำบัดหายดีแล้วจาก Psoriasis เธอบอกว่าๆทานยามาตั้งแต่เด็กก็ไม่หาย สิ่งเดียวที่เธอโกรธผมคือ เธอไม่ได้เกาศีรษะอีกแล้ว เธอติดการเกาศีรษะเข้าแล้วครับ จากนี้ชีวิตเธอก็ไม่ต้องจบลงเช่นคนเมื่อเช้านี้ ผมโกรธหมอจนอยากใช้คำหยาบๆคายๆเพื่อให้ได้สะใจผม แต่นี่เป็นสื่อสาธารณะ เมื่อวิปัสนาแล้ว และเห็นว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง และต่อไปนี้เป็นความรู้ ทั้งของไทยที่รักษาปลายเหตุ และของอารยะประเทศที่เขารักษาผู้ป่วยเขาหายครับ
โรคสะเก็ดเงิน ( Psoriasis ) เป็น โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อย บางคนอาจเรียก โรคสะเก็ดเงิน ว่า เรื้อนกวาง เหตุที่เรียกว่า โรคสะเก็ดเงิน เพราะผื่นที่เกิดขึ้นจะเป็นตุ่มสีแดงมีขอบชัด และบนผื่นจะมีขุยสีขาว ดูเหมือนมีสะเก็ดสีขาวคล้ายเงินปกคลุมอยู่ ทำให้มีการเรียกชื่อโรคนี้ว่า โรคสะเก็ดเงิน ตามลักษณะของผื่นนั่นเอง
สาเหตุ
โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรม และยังพบว่ายังเกี่ยวข้องกับความผิดปกติอื่นๆ เช่น ความผิดปกติใน metabolism ของ Arachidonic acid และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนัง บริเวณรอยโรคของ Psoriasis เซลล์ผิวหนังในชั้น epidermis มีการแบ่งตัวเร็วกว่าปกติหลายเท่า และเคลื่อนตัวมาที่ผิวนอกภายในเวลา 4วัน (ปกติใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังหนาเป็นปื้น แต่เซลล์ผิวหนังขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามปกติ ทำให้ keratin หลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย มักพบมีอาการกำเริบเวลามีภาวะเครียดทางกาย และจิตใจที่มากเกินไป การติดเชื้อ การได้รับบาดเจ็บ การขูดข่วนผิวหนัง การแพ้แดด การแพ้ยา (เช่น Chloroquin, Beta-Blocker, Contraceptive, NSAIDs)
ชนิดของ โรคสะเก็ดเงิน
ประเภทของ โรคสะเก็ดเงิน แบ่งได้ตามลักษณะของผื่น คือ
Plaque
เป็น โรคสะเก็ดเงิน ที่พบได้บ่อยที่สุด ลักษณะเป็นผื่นแดงนูนหนา มีขอบชัดเจน บนผื่นจะมีขุยสีขาวเงิน ซึ่งสะเก็ดนี้เป็นเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ผิวหนังบริเวณผื่นมักจะแห้ง คัน และเกิดเป็นแผลได้ง่าย แพทย์เรียกชนิดนี้ว่า psoriasis vulgaris
Guttate
เป็น โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นเหมือนรูปหยดน้ำสีแดง ๆ เล็ก ๆ พบมากที่ลำตัว แขน ขา โดยผื่นนี้จะไม่หนาเท่าชนิด Plaque ผื่นสามารถเกิดขึ้นได้หากผิวหนังติดเชื้อ มักพบในเด็กและวัยรุ่น
Inverse
เป็น สะเก็ดเงิน ที่มักพบในคนอ้วนที่มีเหงื่อออกมาก และระคายเคือง ลักษณะผื่นจะราบเรียบ ผิวแห้ง อักเสบแดง ไม่มีขุย และไม่หนา มักพบตามข้อพับ รักแร้ เต้านม ก้น
Erythrodermic
เป็น โรคสะเก็ดเงิน ชนิดที่พบได้น้อยที่สุด มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงินที่ผื่นสะเก็ดเงินหลุดง่าย โดยผื่นชนิดนี้จะแดง กระจายไปทั่ว และมักจะมีอาการบวม ปวด และคันร่วมด้วย
Generalized Pustular
เป็นผื่นสะเก็ดเงินแดง บวมปวด และมีตุ่มหนองเกิดขึ้น หากแผลแห้งแล้วก็สามารถกลับมาเป็นหนองได้อีก
Localized Pustular
เป็น โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นตุ่มหนองเกิดขึ้นที่บริเวณมือและเท้า ขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตร
อาการของ โรคสะเก็ดเงิน
อาการ สะเก็ดเงิน มักจะเกิดเป็นผื่นแบบเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งโรคสะเก็ดเงิน จะกำเริบได้ เมื่อผิวหนังบาดเจ็บ เช่นจากการเกา ผิวไหม้จากแดด ติดเชื้อไวรัส หรือแพ้ยา โดยจะมีอาการดังนี้
ผิวหนัง
จะเริ่มเป็นผื่นเล็ก ๆ สีแดง มีขอบชัดเจน รูปทรงกลมหรือรูปไข่ และมีขุย หรือสะเก็ดสีขาวเงินติดอยู่ หากแกะขุยจะมีเลือดออก ก่อนที่ผื่นจะขยายวงกว้างออกไป ทั้งในรูปก้นหอย หรือหยดน้ำ มักเกิดที่ศอก เข่า ขา แขน คอ ศีรษะ
เล็บ
เล็บของผู้ที่เป็น สะเก็ดเงิน จะเป็นหลุมเล็ก ๆ ขรุขระ หรือมีการหนาตัวอยู่ในเล็บ หากเป็นมาก เล็บจะผุ ร่อนออกมาจากพื้นเล็บได้
ข้อ
ผู้ที่เป็น สะเก็ดเงิน หลังจากมีผื่นขึ้นตามลำตัวแล้ว จะเริ่มปวดข้อเล็ก ๆ ตั้งแต่ปลายนิ้วมือ เท้า มักเป็นสองข้าง บางครั้งอาจปวดตามข้อใหญ่ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อหลัง โดยอาการที่มักพบคือ ปวดข้อ บริเวณรอบข้อ ข้อติดในตอนเช้า หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้ข้อพิการได้
โรคสะเก็ดเงิน
ความรุนแรงของ โรคสะเก็ดเงิน
เราสามารถแบ่งความรุนแรงของ โรคสะเก็ดเงิน ได้ 3 ระดับ คือ
Mild Psoriasis คือ โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นขึ้นน้อยกว่า 2% มักพบเป็นแห่ง ๆ เช่น เข่า ข้อศอก หนังศีรษะ รักษาได้โดยการทายา
Moderate Psoriasis คือ โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นขึ้นอยู่ระหว่าง 2-10% โดยมากมักขึ้นที่แขน ขา ลำตัว หนังศีรษะ รักษาได้โดยการทายาและรับประทานยา
Severe Psoriasis คือ โรคสะเก็ดเงิน ที่มีผื่นขึ้นมากกว่า 10% ทำให้ผิวหนังแดง เป็นตุ่มหนอง ผิวหนังหลุดลอก และผู้ป่วยมักจะมีอาการข้ออักเสบด้วย
การรักษา โรคสะเก็ดเงิน
การรักษา โรคสะเก็ดเงิน แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน โดยจะรักษาตามขั้นตอน ตั้งแต่ ขั้นที่ 1 เมื่อไม่ได้ผลจึงไปขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3
ขั้นที่ 1 การใช้ยา
ยาที่ใช้รักษา โรคสะเก็ดเงิน นิยมใช้ยาต่าง ๆ ดังนี้
ยาทาสเตียรอยด์
เป็นยาที่นิยมใช้รักษา โรคสะเก็ดเงิน มากที่สุด มีหลายรูปแบบ การใช้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น เช่น หากผู้ป่วยมีผื่นหนาที่แขน ขา มือเท้า ให้ใช้ยาในรูปขี้ผึ้ง หากมีผื่นบางที่ใบหน้า ข้อพับ ไม่ควรใช้ยาขี้ผึ้ง เพราะฤทธิ์แรงเกินไป แต่หากมีผื่นหนาที่ศีรษะให้ใช้ยาในรูปแบบครีมเหลว หรือครีมน้ำนม แต่หากผื่นบนศีรษะบาง ให้ใช้ยาน้ำ เพื่อให้ซึมเข้าสู่ศีรษะได้ดีกว่า ส่วนยาประเภททาน และฉีด ห้ามใช้กับผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงิน เพราะอาจเกิดตุ่มหนอง ผื่นทั่วตัว รุนแรงกว่าเดิม
ข้อดีของยาทาสเตียรอยด์ หาซื้อได้ง่าย ผื่นยุบเร็ว แต่ข้อเสียคือ หากใช้นานอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยาได้ และหากหยุดยา อาจกลับมาเป็นผื่นได้ใหม่ และรุนแรงขึ้น นอกจากนี้หากยามีฤทธิ์แรงจะทำให้ต่อมหมวกไตมีปัญหา และส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ
ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน ดี 3 (Calcipotriene)
เป็นยารูปแบบวิตามินดี ลักษณะเป็นครีม ราคาค่อนข้างแพง เหมาะกับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นน้อยจนถึงปานกลาง แต่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น และไม่ควรใช้มาก เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองได้ จึงไม่ควรใช้บริเวณใบหน้า ข้อพับ อวัยวะเพศ
ยากลุ่มน้ำมันดิน
เป็นสารเคมีกลุ่มไฮโดรคาร์บอน ที่ได้มาจากธรรมชาติ ผู้ที่เป็นผื่นที่หนังศีรษะ สามารถใช้ แชมพูผสมน้ำมันดิน (Tar Shampoo) ช่วยรักษา โรคสะเก็ดเงิน ได้ ส่วน ครีมผสมน้ำมันดิน ก็ใช้รักษาผื่นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าได้ดี ข้อดี คือ โอกาสที่ผื่น และผิวหนังอักเสบจะกลับมาเป็นใหม่ เป็นได้ช้ากว่าใช้ยาสเตียรอยด์ แต่ข้อเสียคือ หาซื้อยาก ต้องซื้อตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ และยังมีสีและกลิ่นที่ไม่น่าใช้ ยาออกฤทธิ์ช้าไม่ทันใจ
ยาทากลุ่มเรตินอล วิตามินเอ
ทำเป็นยาเจลทาวันละครั้ง ใช้ได้ดีกับ โรคสะเก็ดเงิน ที่หนังศีรษะและเล็บ โดยมักใช้ร่วมกับยาสเตียรอยด์
แอนทราลีน (Anthralin)
เป็นยาที่ใช้รักษา โรคสะเก็ดเงิน มานานและนิยมใช้มากที่สุด หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงจะใช้รักษาร่วมกับรังสี UV ข้อจำกัดมีเพียงแค่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง และทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทามีสีคล้ำขึ้น นอกจากนี้ไม่ควรใช้กับผื่นแดงและมีน้ำเหลือง เพราะอาจทำให้โรคกำเริบมากขึ้น และไม่ควรใช้กับผื่นบริเวณหน้า คอ ข้อพับ ขาหนีบ อวัยวะเพศ เพราะจะระคายเคืองได้ง่าย
Salicylic Acid
เป็นยาใช้ละลายขุย ทำให้ผิวหนังนุ่ม ลอกขุยออกได้ง่าย เพราะมีส่วนผสมของกรด อยู่ในรูปครีม หรือขี้ผึ้ง เหมาะใช้กับผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แต่ไม่ควรใช้กับข้อพับ และเด็ก เพราะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
ขั้นที่ 2 การใช้แสงรักษา Phototherpy
Ultraviolet Light B
เป็นการรักษาโดยใช้รังสีอัลตราไวโอเล็ตบี ใช้ได้ดีกับคนที่เป็นมาก โดยมีผลข้างเคียงน้อย คือ จะมีอาการคันและอาการแดงหรือไหม้ของผิวหนัง แต่มีข้อจำกัดคือ ผู้ป่วยต้องมารักษาที่โรงพยาบาล 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2-3 เดือนติดต่อกัน จากนั้นให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
PUVA
เป็นการรักษา โรคสะเก็ดเงิน โดยใช้แสงอัลตราไวโอเล็ตเอ หรือ PUVA ร่วมกับการใช้ยา psoralen โดยให้ผลดีถึงร้อยละ 75 แต่มีผลข้างเคียงมาก คืออาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นควรใช้ในผู้ที่มีอาการรุนแรง และผู้ป่วยจะต้องได้รับการฉายแสง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รักษาประมาณ 20-30 ครั้ง ให้รักษาต่อไปอีก 2-3 เดือน จะลดโอกาสการเกิดซ้ำได้ใหม่
ขั้นที่ 3 การให้ยารับประทาน
ยาที่นิยมใช้ ได้แก่
เมโธเทร็กเซท (Methotrexate)
มักนิยมใช้กับผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่นโดยใช้การรับประทานและฉีดอาทิตย์ละครั้ง เพราะมีผลข้างเคียงสูง คือ อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร รวมทั้งอาจทำให้เกิดตับอักเสบ และตับแข็ง ดังนั้นการใช้ยานี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ และผู้ป่วยต้องตรวจเลือดก่อนการรักษา และหลังการรักษาทุก ๆ 3-4 เดือน
นอกจากนี้ ยาประเภทนี้ยังใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยบางประเภท เช่น หญิงตั้งครรภ์ , ผู้ป่วยโรคตับหรือไต, ผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติ,ผู้ที่ดื่มเหล้ามาก, ผู้ที่ติดเชื้อระยะรุนแรง เป็นต้น
Oral Retinoids
เป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินรุนแรง โดยต้องใช้ร่วมกับ UVB และ PUVA ผลข้างเคียงของการใช้ยาคือ ผิวจะแห้ง ลอกเป็นขุย ผมร่วง ทำให้ไขมันในเลือดสูง และตับอักเสบ หากหยุดการรักษาในระยะต้น ๆ จะกลับเป็นปกติได้ หากใช้ยาเกิน 1 ปี อาจทำให้เกิดกระดูกงอกได้
ข้อควรระวังคือ ยานี้ไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์ เพราะอาจทำให้ทารกพิการ และผู้ใช้ยาห้ามตั้งครรภ์อย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากยาสามารถอยู่ในเลือดได้นานถึง 2 ปี และไม่ควรได้รับวิตามินเสริม โดยเฉพาะวิตามินเออีก
ไซโคสปอริน (Cyclosporine)
เป็นยากดภูมิคุ้มกัน ที่ใช้กับผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงิน รุนแรง ผลข้างเคียงคือ อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เป็นพิษต่อไตได้ ถ้าหยุดยาในระยะต้น ๆ อาจจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ไม่ควรใช้กับผู้ที่ไตพิการ มีโรคความดันโลหิตสูง เคยเป็นมะเร็งมาก่อน หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
การเลือกใช้ยา ตามตำแหน่งที่เกิดโรค
ศีรษะ
กรณีที่ขุยบนศีรษะไม่หนามาก ให้สระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดินร้อยละ 2-8 (Tar shampoo) หาขุยหนา ให้ใช้น้ำมันมะกอก หรือขี้ผึ้งผสม 1-3% Salicylic acid นวดหนังศีรษะทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้หนังศีรษะนุ่มลงก่อน แล้วจึงสระผมด้วยน้ำอุ่นและแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน นวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างน้ำออก ใช้หวีซี่ถี่ ๆ ค่อย ๆ ขูดสะเก็ดบนหนังศีรษะออก อย่าขูดแรง เพราะอาจทำให้ สะเก็ดเงิน ขึ้นมาใหม่ และเมื่อผื่น หรือสะเก็ดเงินหายแล้ว ให้สระผมด้วยแชมพูยาสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินดี (Calcipotriol) นวดศีรษะ เพื่อลดการอักเสบได้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิตามินดี (Calcipotriol) นวดศีรษะ เพื่อลดการอักเสบได้
เล็บ
การรักษาสะเก็ดเงินที่เล็บ ทำได้โดยการใช้ยาทาสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยาแรง ดังนั้นจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และยังสามารถใช้ยาทากลุ่มวิตามินดี ทาร่วมกันได้ โดยผู้ที่มีขุยที่เล็บ ต้องทำให้ขุยลอกหลุดเสียก่อน ด้วยการใช้ 10-20 % Salicylic acid ในรูปครีมหรือขี้ผึ้งทาทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วขูดสะเก็ดออกแล้วจึงทายาสเตรียอยด์หรือ Calcipotriol ointment
ใบหน้า
นิยมใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดอ่อน ๆ รักษา เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าที่บอบบาง และไม่ควรใช้ในระยะเวลานาน
คราวนี้มาดู ที่เขารักษาหายกันครับ
• Beta glucans are sugars that are found in the cell walls of bacteria, fungi, yeasts, algae, lichens, and plants, such as oats and barley. They are sometimes used as medicine.
Beta glucans are used for high cholesterol, diabetes, cancer, and HIV/AIDS. Beta glucans are also used to boost the immune system in people whose body defenses have been weakened by conditions such as chronic fatigue syndrome, Psoriasis or physical and emotional stress; or by treatments such as radiation or chemotherapy. Beta glucans are also used for colds (common cold), flu (influenza), H1N1 (swine) flu,allergies, hepatitis, Lyme disease, asthma, ear infections, aging, ulcerative colitisand Crohn's disease, fibromyalgia, rheumatoid arthritis, and multiple sclerosis.
People apply beta glucans to the skin for dermatitis, eczema, wrinkles, bedsores, wounds, burns, diabetic ulcers, and radiation burns.
Healthcare providers sometimes give beta glucans by IV (intravenously) or by injection into the muscle to treat cancer and to boost the immune system in people with HIV/AIDS and related conditions. Beta glucans are also given by IV to prevent infection in people after surgery.
Healthcare providers sometimes give beta glucans by a shot under the skin (subcutaneously) for treating and reducing the size of skin tumors resulting from cancer that has spread.
In manufacturing, beta glucans are used as a food additive in products such as salad dressings, frozen desserts, sour cream, and cheese spreads.
There are several beta glucan supplement products that claim beta glucans taken by mouth can only be absorbed if the product is prepared by a special patented process that “micronizes” beta glucan particles to a size of 1 micron or less. However, there is no reliable evidence to support such a claim.
• How does it work?
• Beta glucans might lower blood cholesterol by preventing the absorption of cholesterol from food in the stomach and intestines, when it is taken by mouth. When given by injection, beta glucans might stimulate the immune system by increasing chemicals which prevent infections.
Likely Effective for:
• High cholesterol. Taking beta glucans made from yeast or barley seems to reduce total cholesterol and LDL cholesterol in people with high cholesterol after several weeks of treatment.
• How does it work?
• Beta glucans might lower blood cholesterol by preventing the absorption of cholesterol from food in the stomach and intestines, when it is taken by mouth. When given by injection, beta glucans might stimulate the immune system by increasing chemicals which prevent infections.
Likely Effective for:
• High cholesterol. Taking beta glucans made from yeast or barley seems to reduce total cholesterol and LDL cholesterol in people with high cholesterol after several weeks of treatment.
Possibly Effective for:
• Increasing survival in people with cancer when given intravenously (by IV) or by injection along with conventional treatment. There is some evidence that giving specific kinds of beta glucans intravenously (IV) or by injection can extend life in some people with advanced cancer. But beta glucans have to be given long-term, at least a year.
• Preventing infections in people who have had surgery or trauma when given by injection.
• Boosting the immune system in people with AIDS or HIV infection.
• Increasing survival in people with cancer when given intravenously (by IV) or by injection along with conventional treatment. There is some evidence that giving specific kinds of beta glucans intravenously (IV) or by injection can extend life in some people with advanced cancer. But beta glucans have to be given long-term, at least a year.
• Preventing infections in people who have had surgery or trauma when given by injection.
• Boosting the immune system in people with AIDS or HIV infection.
Insufficient Evidence for:
• Diabetes.
• Chronic fatigue syndrome (CFS).
• Physical and emotional stress.
• Colds.
• Flu.
• Allergies.
• Liver problems.
• Lyme disease.
• Asthma.
• Ear infections.
• Aging.
• Ulcerative colitis and Crohn's disease.
• Fibromyalgia.
• Rheumatoid arthritis.
• Multiple sclerosis.
• Skin problems.
• Wrinkles.
• Bedsores.
• Wounds.
• Burns.
• Diabetic ulcers.
• Radiation burns.
• Other conditions.
More evidence is needed to rate beta glucans for these uses.
Beta glucans are LIKELY SAFE for most adults when taken by mouth or when the intravenous solution is used for a short time period. Do not take more than 15 grams per day by mouth, and do not use it for longer than 8 weeks. Intravenous solutions that have microparticles are not safe. They might cause spleen problems, blood clots, and other dangerous disorders.
• Diabetes.
• Chronic fatigue syndrome (CFS).
• Physical and emotional stress.
• Colds.
• Flu.
• Allergies.
• Liver problems.
• Lyme disease.
• Asthma.
• Ear infections.
• Aging.
• Ulcerative colitis and Crohn's disease.
• Fibromyalgia.
• Rheumatoid arthritis.
• Multiple sclerosis.
• Skin problems.
• Wrinkles.
• Bedsores.
• Wounds.
• Burns.
• Diabetic ulcers.
• Radiation burns.
• Other conditions.
More evidence is needed to rate beta glucans for these uses.
Beta glucans are LIKELY SAFE for most adults when taken by mouth or when the intravenous solution is used for a short time period. Do not take more than 15 grams per day by mouth, and do not use it for longer than 8 weeks. Intravenous solutions that have microparticles are not safe. They might cause spleen problems, blood clots, and other dangerous disorders.
There isn't enough information to know whether beta glucans are safe when applied to the skin or delivered by injection under the skin.
The potential side effects of beta glucans, when taken by mouth, are not known. When used by injection, beta glucans can cause chills, fever, pain at the injection site, headache, back and joint pain, nausea, vomiting, diarrhea, dizziness, high orlow blood pressure, flushing, rashes, decreased number of white blood cells, and increased urine. People with AIDS who take beta glucans have developed thickening of the skin of the hands and feet.
Special Precautions & Warnings:
Pregnancy and breast-feeding: Not enough is known about the use of beta glucans during pregnancy and breast-feeding. Stay on the safe side and avoid use.
Special Precautions & Warnings:
Pregnancy and breast-feeding: Not enough is known about the use of beta glucans during pregnancy and breast-feeding. Stay on the safe side and avoid use.
AIDS/HIV or AIDS-related complex (ARC): Thick patches of skin on the palms of the hands and soles of the feet (keratoderma) can develop in people with AIDS/HIV or ARC who are receiving beta glucans made from yeast. The condition can start during the first two weeks of treatment and then disappear two to four weeks after use of beta glucans stops.
Moderate Interaction Be cautious with this combination
• Medications that decrease the immune system (Immunosuppressants) interacts with BETA GLUCANS
Beta glucans increase the immune system. By increasing the immune system beta glucans might decrease the effectiveness of medications that decrease the immune system.
• Medications that decrease the immune system (Immunosuppressants) interacts with BETA GLUCANS
Beta glucans increase the immune system. By increasing the immune system beta glucans might decrease the effectiveness of medications that decrease the immune system.
Some medications that decrease the immune system include azathioprine (Imuran), basiliximab (Simulect), cyclosporine (Neoral, Sandimmune), daclizumab (Zenapax), muromonab-CD3 (OKT3, Orthoclone OKT3), mycophenolate (CellCept), tacrolimus (FK506, Prograf), sirolimus (Rapamune), prednisone (Deltasone, Orasone), corticosteroids (glucocorticoids), and others.
The following doses have been studied in scientific research:
The following doses have been studied in scientific research:
BY MOUTH:
• For high cholesterol: 7.5 grams twice daily beta glucans fiber from yeast added to juice has been used. Barley-derived beta glucans have also been used in doses of 3-10 grams/day.
INTRAVENOUS:
• Healthcare providers give beta glucans intravenously (IV) for HIV infection, to extend life in patients with cancer, and to prevent infection in certain patients undergoing surgery.
• For high cholesterol: 7.5 grams twice daily beta glucans fiber from yeast added to juice has been used. Barley-derived beta glucans have also been used in doses of 3-10 grams/day.
INTRAVENOUS:
• Healthcare providers give beta glucans intravenously (IV) for HIV infection, to extend life in patients with cancer, and to prevent infection in certain patients undergoing surgery.
คุณจะเห็นได้วา ถ้าข้อมูลไม่พอเขาจะบอกเอาไว้ แต่ไม่ได้ห้ามเหมือนหมอไทย อะไรที่คุณหมอไทยยังไม่รู้ ท่านหมอก็จะห้ามดะไปหมดครับ แล้วก็เอาผู้ป่วยไว้ในกะลากับท่านหรือไม่ก็ผูกคอตายครับ ฝากทุกท่านวิปัสนาด้วยครับ ขอจบรายการ หมอนอกกะลาไว้เพียงเท่านี้ครับ สวัสดี
แล้วที่รักษาหายใช้เบต้ากลูแคนต้องทานอะไรยังไง
ตอบลบ