วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

อากาศเย็นกับอาการปวดข้อ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว

24 May 2017
ตอน อากาศเย็นกับอาการปวดข้อ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
ดังได้อธิบายไว้ในโพสต์ เรื่องเก๊าท์ถึง 4 ตอนแล้วว่า..ยูเรต(กรดยูริคจับตัวกับแคลเซียมคาร์บอเนต) ชอบอาศัยอยู่ในข้อที่เย็นและข้อที่พวกเขาชอบที่สุดก็คือ ข้อนิ้วหัวแม่เท้าเพราะเย็นที่สุดเนื่องจากมีการใช้งานที่ก่อให้เกิดความร้อนน้อยที่สุด
ในกรณีนี้ ร่างกายของคุณอาจมียูเรตสูงจากการกินอาหารที่มีพิวรีนสูงเป็นประจำ(หาอ่านได้ในตอน เก๊าท์ 1-4 )และอาจมีแคลเซียมในร่างกายมากเกินไป และตามที่เคยโพสต์ไปแล้วว่า เม็ดเลือดขาว ที่ชื่อว่า ลิมโฟไซต์ ทำหน้าที่กัดกินยูเรตและดังได้เคยอธิบายไว้แล้วว่า น้ำตาล 1 ช้อนชาลดประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดถึง 75 % นาน 4 ชั่วโมง นั่นน่าจะบอกได้ว่า คุณได้ทำลายประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวอย่างต่อเนื่อง
โปรดระลึกไว้เสมอว่า ..เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีในความร้อน นั่นคือเมื่อคุณป่วยร่างกายจะเร่งสร้างความร้อนด้วยตัวของเขาเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดขาวเพื่อเก็บกินเชื้อโรค
สรุป !!
-หยุดกินหวานทุกรูปแบบไม่ว่าจะมาจากแหล่งใด
-กินอาหารฤทธิ์ร้อน : ข่า ขิง พริกไทย ตะไคร้ ขมิ้น พริก กระเทียม เป็นประจำ
-ลดการบริโภคอาหารที่มีพิวรีนสูง ยอดผัก ปลาดุก เครื่องในสัตว์ ถั่ว เป็นต้น
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

จริงหรือที่เขาพูดกันความดันโลหิตสูงห้ามกินเค็มจริงรึ

26 May 2017
ตอน จริงหรือที่เขาพูดกัน
ความดันโลหิตสูงห้ามกินเค็มจริงรึ..หรือว่าผมบ้าไปแล้วที่สั่งผู้ป่วยรายนี้กินเกลือ..!!!
ตามมา....
อาการคลื่นไส้ส่วนใหญ่จะมาจากการขาดโซเดียมซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับกระเพาะอาหารในการหลั่งน้ำย่อย การเพิ่มโซเดียมจึงสามารถแก้อาการนี้ได้เสมอ..แล้วความดันโลหิตสูงในเคสนี้เกิดจากอะไร !!
.......................................................................
การขอผลการตรวจเพื่อพิสูจน์จึงเกิดขึ้น
.......................................................................
เป็นไปอย่างที่คิด ..โซเดียมต่ำ !!
แต่เอ๊ะ..ทำไมความดันโลหิตจึงสูงล่ะ ...
-ค่าเม็ดเลือดขาวและค่าเกร็ดเลือดที่สูงมันบอกว่ามีการอักเสบในเนื้อเยื่อหรือมีการแตก มีบาดแผลที่จะต้องรีบซ่อมแซม
-ค่าเม็ดเลือดแดงต่ำ ขาดฮีโมโกลบิน เม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ มันบอกถึงการหายใจของเซลล์ว่าขาดอ็อกซิเจน
.........................................................................
ดูแค่ 2 ค่านี้พอ...
ความดันสูงในเคสนี้บอกว่าเซลล์และเนื้อเยื้อขาด..อ็อกซิเจนอย่างรุนแรง หัวใจเลยต้องรีบสูบฉีดเพื่อเพิ่มอากาศ..ก็เท่านี้ไม่มีอะไรมากมาย
สรุป..เคสนี้ถูกสั่งให้กิน
-ตับ 3 มื้อในหนึ่งสัปดาห์
-เก๋ากี้ 50 เม็ดปั่นรวมกับผักอื่นๆ ตามชอบทุกวัน
-ออกกำลังกายเพื่อฝึกการเพิ่มออกซิเจน
.......................................
และแน่นอน..หยุดการอักเสบก็ ไม่กิน หวาน นม ผลไม้หวาน
.......................................
ประเด๋วก็หาย..และ !!!! อย่ามามั่วนิ่มว่า..ความดันโลหิตสูงห้ามกินเกลือ
..มันต้องหาข้อมูลให้แน่ชัด ดูอาการและซักประวัติกันให้สุด ๆ
........

ความฉ้อฉลเกี่ยวกับแร่ธาตุ

30 May 2017
ตอน...ความฉ้อฉลเกี่ยวกับแร่ธาตุ
มันเป็นการโกหกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งนำพาผู้คนและบุคลากรทางการแพทย์ไปสู่หายนะแห่งสุขภาพ...
มันเริ่มต้นด้วยคำว่า “แคลเซียมจำเป็นมากสำหรับกระดูกที่แข็งแรง”
แพทย์เกือบจะทุกคนและผู้คนส่วนใหญ่ถูกฝังรากลึกจากความฉ้อฉลนี้ เราทุกคนเลยต้องดำดิ่งไปกับความเชื่อที่ว่า..ถ้าเราขาดแคลเซียมกระดูกของเราจะกลายเป็นผุยผง.. นี่เป็นการหลอกลวงและไม่เคยเป็นความจริง
ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้บอกเราถึงความผิดพลาดของระบบความเชื่อ !!
แต่ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ผมอยากให้คุณรับรู้ว่า แคลเซียมเป็นเพียงแค่ 1ใน12แร่ธาตุที่ทำให้กระดูกแข็งแรง เมื่อใครสักคนได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดกพรุน ( Osteoporosis) นั่นหมายถึงการสูญเสียแร่ธาตุของกระดูก ไม่ใช่เพียงแค่ขาดแคลเซียมและถ้าคุณได้รับการแนะนำให้เสริมเพียงแค่แคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกจนเกินขนาดไม่ว่าจะได้มาในรูปแบบของ..นม..ตามคำแนะนำแพทย์หรือในรูปแบบอาหารเสริม..นั่นหมายถึงคุณกำลังได้รับสัญญาณแห่ง”ความตาย” เหตุเพราะแคลเซียมทำให้”คอนกรีตแข็งตัว”....แม่จ้าว...แล้วมันจะทำให้ส่วนใดของร่างกายแข็งตัวได้บ้างล่ะเนี่ย และถ้ามันเกินขนาดจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราล่ะ..ตามมา!!
-นิ่วกรวยไต
-นิ่วถุงน้ำดี
-พลั๊คในหลอดเลือด
-หินปูนเกาะกระดูก
-การฝากของแคลเซียมในเนื้อเยื่อ
-เซลล์สมองผิดปกติ
-เนื้อสมองหดตัว
-สมองเสื่อม
........................................................
อะไรนำไปสู่สิ่งโกหกที่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเพราะมัน
..........................................................
ความรู้ที่ผิดพลาดซึ่งกลายเป็นดั่งความเชื่อทางศาสนาที่ถูกฝังรากลึกจากทุกวงการ..และต่อไปนี้คือความจริงที่ได้เพิ่มรายละเอียดให้มากขึ้น..
-แคลเซียมกับการทำงานของต่อมหมวกไต
แคลเซียมที่มากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตในวัตถุประสงค์เพื่อให้ไตกักเก็บแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ผลของการทำเช่นนี้ก็คือ โซเดียมและโพแทสเซียมจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อแร่ธาตุสองชนิดนี้ในเซลล์เป็นอย่างมาก
!! ในความเป็นจริง :
-โซเดียมมีความจำเป็นในการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร การย่อยโปรตีน การขนส่งน้ำตาลกลูโคสและกรดอะมิโนเข้าสู่เซลล์และเนื้อเยื่อ(ยกเว้น เซลล์ไขมัน)
-โพแทสเซียมจำเป็นสำหรับการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์และช่วยรักษาไว้ซึ่งประจุของผนังเซลล์
แร่ธาตุเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอัตราการเต้นของหัวใจ มันเป็นตัวกำหนดให้กล้ามเนื้อและใยประสาทสื่อสารกันเมื่อพวกเขาต้องการแร่ธาตุสองตัวนี้ นอกจากนี้ทั้งสองยังช่วยรักษาความคงที่ของความดันโลหิตอีกด้วย ความไม่สมดุลหรือการขาดแร่ธาตุเหล่านี้นำไปสู่ความผิดพลาดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่เซลล์ของหัวใจ
!! ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อร่างกายขาดโซเดียมและโพแทสเซียมแล้วจะเกิดอะไรตามมา...กรดอะมิโนถูกจำกัดและเมื่อเซลล์ขาดกรดอะมิโน ร่างกายก็ไม่สามารถเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้และเมื่อเซลล์ขาดกลูโคส เซลล์ก็ขาดซึ่งพลังงาน ความอ่อนล้าหมดแรงของร่างกายโดยรวมก็ตามมา
!! ในความเป็นจริง ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการบริจาคประจุลบจากแร่ธาตุในทุกปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์ ดังนั้นการขาดซึ่งแร่ธาตุจึงสามารถนำไปสู่หลายอาการของร่างกายได้
............................................................................................
เมื่อคุณอ่านจบ...คุณคิดถึงใคร !!
…………………………………………………
ในขณะที่แทบทุกจะโรงเรียนได้มอบ..นม..ที่บอกว่าเพิ่มแคลเซียมให้แก่เด็กเพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้สูงใหญ่โดยไม่ได้คำนึงถึงสมดุลของแร่ธาตุ นั่นหมายถึงกำลังทำให้สมองเด็กฝ่อลงหรือไม่..สอนยากสอนเย็น ขาดสมาธิและนำไปสู่โรคอื่นในอนาคตหรือไม่ !!
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อเขียนบทความจบ
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

ถุงน้ำดีกับการทำความสะอาด

7 Apr 2017
ตอน..ถุงน้ำดีกับการทำความสะอาด
มีผู้คนจำนวนมากได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีโดยไม่จำเป็นและจากประสบการณ์ของผม มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่สูญเสียถุงน้ำดีต้องเผชิญกับโรคเรื้อรังที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และจบชีวิตด้วย ..ยาจิตเวช
.............................................................................
หนึ่งในผู้ที่ประสบปัญหานี้คือ..ภรรยาของผมที่ได้รับผลกระทบจากการรักษาโรคกรดไหลย้อนแบบผิดวิธีจนก่อนิ่วในถุงน้ำดีในสมัยที่ผมยังมีความเชื่อแบบเดิม ๆ แต่ปัญหานี้แก้ได้ภายใน 15 วันและเธอยังคงมีถุงน้ำดีที่มีประสิทธิภาพมาจนถึงทุกวันนี้
.............................................................................
เนื่องจากศัลยแพทย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ !!
พวกเขาเพียงแต่รักษาอาการ.. มันทำให้รู้สึกเหมือนกับการเอาผ้าเทปดำปิดไฟแจ้งเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ของคุณหากความดันน้ำมันเครื่องต่ำ.. ใช่ !! มันช่วยกำจัดแสงเพื่อที่มันจะไม่รบกวนคุณอีกต่อไป แต่คุณจะต้องมองหาที่ซ่อมแซมเครื่องยนต์ด้วยราคาที่แพงกว่าเดิมมหาศาลถ้าคุณล้มเหลวในการรักษาสาเหตุของไฟที่เปิดเตือน
หากคุณมีอาการปวดท้องที่อยู่ด้านล่างกระดูกซี่โครงซี่สุดท้ายทางด้านขวาแนวเดียวกับหัวนมด้านขวาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณกดตรงจุดนั้น นั่นบอกว่าคุณมีโอกาสที่จะมีปัญหาถุงน้ำดี
ผมเชื่อว่ามันเกือบจะเป็นความผิดทางอาญาที่การแพทย์แผนปัจจุบันได้กระทำต่อประชาชนเมื่อมันมาถึงการจัดการปัญหานี้ มันไม่จำเป็นต้องตัดถุงน้ำดีซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อระบบโดยรวมของร่างกายออกไปในบางคน
....แต่หากใครบางคนไม่สนใจอาการเตือนและไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่ถุงน้ำดีไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนภาวะของโรคสามารถลุกลามไปถึงจุดที่ตับอ่อนอักเสบหรือถุงน้ำดีได้รับการติดเชื้ออย่างรุนแรง การตัดนั้นจึงอาจต้องถูกนำมาใช้เพื่อ..ช่วยชีวิตคน
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องมีมุมมองที่เหมาะสม...เกือบ 2 แสนถุงน้ำดีถูกตัดออกไปในแต่ละปีในประเทศนี้และเป็นที่คาดกันว่ามีเพียง 600 ถุงน้ำดีที่จำเป็นต้องตัดออกไป
ดังนั้น ไม่เพียงแต่ศัลยแพทย์จะตัดอวัยวะเหล่านี้ออกโดยไม่จำเป็นแล้ว แต่ยังเพิกเฉยต่อความรู้ด้านโภชนาการ พวกเขามักบอกกับผู้ป่วยว่า “ถุงน้ำดีไม่ได้ทำหน้าที่ใด ๆ และคุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยปราศจากถุงน้ำดี”
.!! มันเป็นความจริงหรือ..!! เปล่าเลย..นี่เป็นเรื่องโกหก
………………………………………………………………….
ถุงน้ำดีทำหน้าที่สำคัญในการย่อยอาหาร
มันจำเป็นต้องใช้ในการจัดการกับไขมันในกระบวนการ Emulsification .. แล้วกระบวนการนี้คืออะไร !! เราสามารถเข้าใจแนวความคิดนี้ได้อย่างง่ายดาย..เมื่อเราล้างจานที่มีไขมัน เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำความสะอาดไขมันโดยปราศจากสบู่เพราะสบู่ทำให้เกิดกระบวนการนี้ ไขมันจึงสามารถล้างออกไปได้
ในทำนองเดียวกันถุงน้ำดีทำหน้าที่เก็บน้ำดีและกรดน้ำดีซึ่งทำให้เกิดกระบวนการนี้ก่อนการขนส่งอย่างถูกต้องผ่านไปยังลำไส้และเข้าไปในกระแสเลือด
ทุกคนที่ได้รับการตัดถุงน้ำดีออกจะต้องใช้น้ำดีในรูปเกลือกับอาหารทุกมื้อในช่วงที่เหลือของชีวิต หากเขาต้องการป้องกันไม่ให้ไขมันดีที่เขากินเข้าไปถูกทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ในโถส้วม…
และหากใครก็ตามที่มีไขมันไม่เพียงพอในอาหาร..เรื่องราวเกี่ยวกับสรีรวิทยาทั้งหมดของพวกเขาจะถูกรบกวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการสร้างฮอร์โมนและ prostaglandins :สารประกอบหนึ่งของไขมันโดยร่างกายสร้างจากกรดไขมัน สารนี้มีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนแต่ไม่ได้สร้างจากต่อมไร้ท่อ โพรสตาแกลนดินสร้างได้จากทุกเนื้อเยื่อของร่างกายซึ่งร่างกายจะสร้างสารนี้เมื่อเนื้อเยื่อเหล่านั้นเกิดบาดเจ็บหรือติดเชื้อ
!! วิธีการทำงานของถุงน้ำดี !!
ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะที่กลวงและไม่เคลื่อนที่ มันทำหน้าที่ช่วยส่งน้ำดีไปยังระบบทางเดินอาหารซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับไขมันและน้ำมัน ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแบบธรรมชาติได้รายงานไว้ในหนังสือหลายเล่มระบุว่า..สิ่งต่อไปนี้อาจทำให้ถุงน้ำดีเกิดความเสียหายได้
-ปริมาณไขมันและน้ำมันที่มากเกินไป
-ของเหลวที่มีความเย็นมาก
-ผลิตภัณฑ์นมเย็น
-กรดไหลย้อนหรือมีลมในระบบทางเดินอาหารมาก
-การวางแผนและการคิดล่วงหน้าตลอดเวลา
-ความเครียด
นักเขียนกลุ่มเดียวกันกล่าวว่าถุงน้ำดีสามารถป้องกันได้โดย:
-ผักดองจำพวกแตงกวาดอง กิมจิ กะหล่ำปลีดอง
-น้ำส้มสายชูที่มีคุณภาพดี
ตามที่นักเขียนเหล่านี้รายงาน ปัญหาถุงน้ำดีมักจะพบในคนที่:
-วางแผนอย่างต่อเนื่อง
-อ่อนไหวต่อการเกิดลมในระบบทางเดินอาหาร
-อ่อนไหวต่อเสียงรบกวน
-อ่อนไหวต่อกลิ่นที่รุนแรง
อาการของตะกอนในถุงน้ำดี:
-อาหารไม่ย่อย
-อาการท้องอืด
-อาการปวดเป็นระยะด้านขวาของซี่โครงซี่สุดท้าย
-ตึงที่ด้านหลังของไหล่ คอ
-มีรสขมในปาก
!!! มาทำความสะอาดถุงน้ำดีอย่างค่อยเป็นค่อยไปกันดีกว่าไหม..ถ้าไม่อยากถูกตัดทิ้ง
การทำความสะอาดนี้ใช้เวลา 21 วันอย่างช้า ๆ และอ่อนโยนต่อร่างกาย นี่เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่แน่ใจว่าจะมีตะกอนหรือหินปูนมากน้อยเพียงใด.. ทำความสะอาดสองหรือสามครั้งต่อปีเพื่อให้แน่ใจว่าถุงน้ำดีมีสุขภาพดี
ในระหว่างการทำความสะอาดให้หลีกเลี่ยงอาหารทุกชนิดที่มีไขมันสูง ลดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ นม ไข่.. รับประทานธัญพืช ผัก ผลไม้ไม่หวานและพืชตระกูลถั่วเพื่อช่วยล้างถุงน้ำดี
อาหารเหล่านี้เร่งกำจัดหินและตะกอนในถุงน้ำดี :
-สาหร่ายทะเล
-เลมอน
-มะนาว
-ขมิ้น
-หัวไชเท้า ตลอด 21 วันของการทำความสะอาดให้กินหัวไชดิบขูด 1-2 หัวระหว่างมื้ออาหารและดื่มชาสามใบหรือชาดอกคาโมไมล์ 5 ถ้วยต่อวัน
-สำหรับทุก 70 กิโลกรัมของน้ำหนักตัวให้ใช้น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์สกัดเย็น 5 ช้อนชาผสมในอาหารต่อวันหรืออาจแบ่งครึ่งและใช้สำหรับสองมื้อ ใช้น้ำมันแฟลกซ์ 6 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลา 2 เดือน
และนี่คือทางเลือกที่จะทำให้คุณไม่ต้องสูญเสียสิ่งที่ธรรมชาติได้สรรสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

หลังจากได้ซักประวัติผู้ป่วยก็พบว่า..เป็นนักดื่ม

8 Apr 2017
ตอน หลังจากได้ซักประวัติผู้ป่วยก็พบว่า..เป็นนักดื่ม
และสิ่งที่แนะนำไปคือคุณขาดวิตามินบี 3 นะครับ ไม่ต้องไปหายามากินหรอกนะเพราะมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยในงานนี้
วิตามิน B3 หรือไนอะซิน (Niacin) : Nicotinic acid vitamin หรือจะเรียก วิตามิน PP (Vitamin PP) พบในปลา เนื้อ ไก่ ธัญพืช ตับ ถั่ว โดยทั่วไปร่างกายเราสามารถสร้างได้โดยอาศัยกรดอะมิโนทริปโทเฟน (Tryptophan) ซึ่งได้จาก มะเขือเทศ อะโวคาโด ผัก ผลไม้ มันฝรั่ง บร๊อกโคลี แครอท และหน่อไม้ฝรั่ง
วิตามิน B3 ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
ลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเลือด ขยายหลอดเลือดเล็กๆ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กำจัดสารก่อภูมิแพ้ ฮีสตามีนที่จะทำให้เกิดอาการคัน บรรเทาอาการข้ออักเสบ บรรเทาอาการโรคซึมเศร้า ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ระบบประสาทและผิวหนังมีความสมบูรณ์มากขึ้น งานวิจัยพบว่าวิตามิน B3 เพียงปริมาณ 2-7 กรัม จะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลวได้ 10-15% และไตรกลีเซอไรด์ 81% และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี 15-29%
ปริมาณวิตามิน B3 ที่ร่างกายต้องการต่อวัน คือ 20 มิลลิกรัม และไม่ควรได้รับเกิน 10 เท่า
การขาดวิตามิน B3 นั้นพบได้จากสาเหตุ
1 การขาดโปรตีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับทริปโทเฟนต่ำ
2 การรับประทานข้าวโพดหรือข้าวฟ่างเป็นอาหารหลัก เนื่องจากข้าวโพดมีทริปโทเฟนต่ำ และข้าวฟ่างมีลูซีนสูงจึงทำให้เปลี่ยนไนอะซินเป็น NAD และ NADP จึงทำให้ขาดไนอะซิน
3 การดื่มสุราเป็นประจำ ทำให้ร่างกายดูดซึมไนอะซินได้น้อยลงและมีโอกาสได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง
4 การย่อยและการดูดซึมอาหารผิดปกติ อาทิเช่น โรคลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน กรดไหลย้อน กระเพาะอาหาร ทำให้มีการย่อยและดูดซึมไนอะซินน้อยลง
จะรู้ได้อย่างไรว่าพร่อง ...วิตามิน บี3
-อาการเมื่อขาดเล็กน้อยและระยะเวลาในการขาดไม่นานมากจะทำให้เกิดท้องเสีย มีผื่น ความรู้สึกวิตกกังวล
-อาการเมื่อขาดรุนแรงและขาดเป็นระยะเวลานานจะเป็นโรคผิวหนังที่เมื่อโดนแสงจะเป็นผื่นดำ เรียกว่า เพลลากกร้า (Pellagra) ซึ่งพบในประเทศอิตาลีในช่วงศตวรรษที่ 19 จากนั้นอาการที่จะแสดงให้เห็นมากขึ้นคืออาการเบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน ความจำไม่ดี หลับยาก
แค่พึงสังเกตตัวเองว่าขาดอะไรหรือมีอะไรมากเกินไป จะช่วยให้ท่านไร้สารเคมีได้เป็นอย่างดี
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ขอบคุณ Dr.John Bergman

P D B (Part 1)

9 Apr 2017
ตอน ..P D B (Part 1)
โรคแพนิค (Panic) โรคซึมเศร้า (Depression) และโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้วหรือโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder)
“ถ้าคุณมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา วิธีการทางการแพทย์ในการรักษาโรคเหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องที่... งี่เง่า...ที่สุด” จากหนังสือ Depression : The mechanical cause โดย Dr.John Bergman
โรคซึมเศร้า คือภาวะที่เกิดในระยะสั้นภายในระยะ 6 เดือนและอาจเกิดแค่ครั้งเดียวและที่สำคัญไปกว่านั้นคือร่างกายสามารถแก้ไขภาวะนี้ได้เองเมื่อได้รับสารอาหารที่ถูกต้องและมันจะไม่กลับมาอีกเลยแต่..เมื่อคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้และได้รับยาจิตเวชมาเพื่อใช้เพราะคำว่า “รักษา” เป็นเวลา 5 ปีขึ้นไป..ในเวลาต่อมาคุณจะได้รับคำวินิจฉัยใหม่จากคนที่คุณเรียกว่า..แพทย์..”ตอนนี้คุณเป็นไบโพล่าและมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนยา” จริงหรือไม่ !!!!
เอาล่ะ..มาดูตัวยาที่การแพทย์ใช้กันจะดีกว่าไหม !!
Prozac เป็นหนึ่งในยาต้านโรคซึมเศร้าที่ใช้กันอย่างบ้าคลั่งโดยที่ไม่ทราบแน่ชัดว่า Prozac มีกลไกการทำงานอย่างไร และวงการแพทย์ในบ้านเมืองนี้ก็อ้างเพียง “ได้รับการยืนยันประสิทธิภาพจากคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530)”
ปัญหาก็คือ..มีใครกี่คนที่ได้อ่านใบแทรกในกล่องยาไม่ว่าจะเป็น Prozac,Depakote,Wellbutrin,Elavil และยาจิตเวชทั้งหลายแหล่..
ในใบกำกับกล่าวว่าอย่างไร..“ This mechanism of Prozac is unknown.” แปลว่า..กลไกการทำงานของยานี้ไม่เป็นที่ทราบได้..แล้วมันหมายความว่าอย่างไร..มันก็หมายความว่าแพทย์คนที่จ่ายยาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันทำงานอย่างไร..ใช่หรือไม่ !! แล้วคุณก็ยังเรียกวิธีการนี้ว่า “ การรักษา” มันใช่แน่หรือ..แล้วแพทย์ของคุณเคยบอกสิ่งนี้หรือไม่..พวกเขามักจะใช้คำว่า “ ผลข้างเคียง” แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ผลข้างเคียงแต่มันคือ..ผลโดยตรงจากการใช้ยา
- ทุกส่วนของร่างกาย : รู้สึกหนาว พยายามฆ่าตัวตาย ปวดท้องเฉียบพลัน ผิวแพ้แสงแดด
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด : ใจสั่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ระบบการย่อย : กลืนลำบาก โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคลำไส้อักเสบ
ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร ถ่ายเป็นเลือด หลอดอาหารอักเสบ กรดไหลย้อน อาเจียนเป็นเลือด
- ระบบน้ำเหลือง : เลือดออกใต้ผิวหนัง เลือดออกเป็นจุด เส้นเลือดฝอยอักเสบ
- ระบบประสาท : อารมณ์แปรปรวน มีความรู้สึกต้องการจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีการเคลื่อนไหวที่ไม่ประสานกัน เคลิบเคลิ้ม มีภาวะกล้ามเนื้อตึงตัวมาก สมรรถภาพทางเพศลดลง กล้ามเนื้อกระตุกรัว หวาดระแวง หลงผิด
- ระบบทางเดินหายใจ : หลอดลมตีบ
- ผิวหนัง : เป็นจ้ำเลือด
- ด้านการสัมผัส : สูญเสียการรับรส ม่านตาขยาย
นี่เป็นผลบางส่วนจากยาที่มักจ่ายให้ผู้ป่วยในโรค แพนิค ซึมเศร้าและไบโพล่า
.........................................................................
แพทย์ในทุกวันนี้มักไม่คำนึงถึงความเป็นพิษไม่ว่าจะมาจากยา โลหะหนัก สารปรุงแต่งรสชาติที่ส่งผลกระทบต่อการสร้างเซอโรโทนิน (Serotonin) ตามธรรมชาติของร่างกาย ... เรามาดูกันว่าร่างกายสร้างมันอย่างไรและอะไรทำให้ร่างกายพร่องเซอโรโทนิน
!! เมื่อคุณขาดเซอโรโทนิน ..มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร !!
-อารมณ์
-ความจำ
-ความสามารถในการเรียนรู้
-ความอยากอาหาร
-ความตื่นตัว
-ความก้าวร้าว
-กระแสประสาท
-ความต้องการทางเพศ
-การนอนหลับ
-การแสดงออกทางสังคม
-หัวใจ
-กล้ามเนื้อ
-ระบบฮอร์โมน
เนื่องจากร้อยละ 90 ของเซอโรโทนินสร้างขึ้นในลำไส้นั่นหมายถึงปัญหาของระบบทางเดินอาหารเป็นต้นเหตุให้เกิดรายการที่กล่าวไว้ด้านบนนี้ ในทางกลับกันมันหมายถึง โรคอัลไซเมอร์ โรคจิตเสื่อม อารมณ์แปรปรวน สมาธิสั้น ซึมเศร้า แพนิค วิตกกังวล การตื่นตัว สมรรพภาพทางเพศเสื่อม หมดอารมณ์ทางเพศ การควบคุมกระแสประสาท ก็น่าจะมาจากปัญหาระบบลำไส้เช่นกัน
!! ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนมุมมองของคุณ !!
ประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน เสียชีวิตเพราะวิธีการทางหัตถการที่เรียกว่า
“ Bleeding” ซึ่งชาวอียิปต์ใช้มานับหลายพันปี หลักคิดของวิธีการนี้คือ... โรคเกิดจากการมี “เลือดเสีย”หรือ “ผีสิง” หัตถกรมีหน้าที่ตัดหลอดเลือดเพื่อให้เลือดเสียหรือผีที่สิงอยู่ออกจากร่างและจ่าย Quicksiver ... Quicksiver ก็คือปรอทซึ่งเป็นสุดยอดของการทำลายระบบประสาท ในอดีตแพทย์นิยมใช้กันมากสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อและเป็นเรื่องน่าขำที่ว่า ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคอะไร Quicksilver จะถูกนำมาใช้ในทันที
เกิดอะไรขึ้นกับการแพทย์แผนปัจจุบันในเรื่องยาจิตเวช..พวกเขาตั้งสมมุติฐานของโรคไว้บนพื้นฐาน “สารเคมีในสมอง” หรือ “อาการผิดปกติทางจิต” ซึ่งไม่ได้เยียวยาสำหรับโรคแพนิค ซึมเศร้าและไบโพล่า พวกเขาแค่จ่ายสารพิษเพื่อเปลี่ยนแปลงอาการ ....
ดังนั้น..การแก้ที่สาเหตุของ โรคแพนิค ซึมเศร้าและไบโพล่า ก็คือเพิ่มการสร้าง เซอโรโทนินซึ่งร้อยละ 90 ถูกสร้างในลำไส้โดยการ :
-ปรับปรุงคุณภาพลำไส้
-ปรับสภาพแวดล้อมของลำไส้
-ปรับปรุงระบบการย่อย
-ปรับปรุงระบบการดูดซึมแร่ธาตุ
.......................................
กายวิภาคศาสตร์ของโรค
.......................................
การย่อยเริ่มที่การได้กลิ่นอาหารซึ่งจะไปกระตุ้นสมองให้หลั่งกรดในกระเพาะอาหาร จากนั้นน้ำลายจะเริ่มย่อยคาร์โบไฮเดรท ส่วนโปรตีนจะถูกย่อยในกระเพาะอาหารและไขมันจะถูกย่อยในลำไส้..นี่คือกระบวนการที่สวยงามของระบบการย่อยซึ่งจะย่อยโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโน คาร์โบไฮเดรทไปเป็นน้ำตาลที่ใช้งานได้และไขมันไปเป็นกรดไขมัน คุณมีปากเพื่อเคี้ยวอาหารที่ต่อกับหลอดอาหารเพื่อส่งอาหารเข้าสู่กระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารต่อกับลำไส้เล็กและสารอาหารต่าง ๆ ถูกดูดซับที่นี่ ที่สำคัญคือ...เซอโรโทนินถูกสร้างที่นี่
!! และโปรดจำไว้ว่า !!!
อะไรก็ตามที่สามารถสร้างความเสียหายแก่ลำไส้เล็กจะส่งผลต่อการสร้างเซอโรโทนินเสมอ ในทางกลับกันเมื่อเซอโรโทนินถูกสร้างไม่ได้ ภาวะต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นดังได้กล่าวไว้ข้างต้น
และถ้าคุณไม่สามารถย่อยโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรทได้ คุณจะจบลงที่การขาดสารอาหารซึ่งเป็นที่ต้องการของทุกเนื้อเยื่อและทุกกระบวนการที่สำคัญของร่างกาย รวมไปถึงการสร้างภูมิต้านทานและสุขภาพโดยรวม
...จินตนาการ...เมื่อเข้าสู่วัยชราก็จะมีความเหี่ยวย่นและตีนกา สิ่งนี้บอกอะไร!!
สิ่งนี้บอกว่า..คุณไม่สามารถย่อยโปรตีนได้ดีเท่ากับวัยหนุ่มสาว คุณกำลังขาดกรดอะมิโนซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพ คุณขาดเอ็นไซม์ในการย่อยโปรตีนให้กลายไปเป็นกรดอะมิโนหรือคุณมีความเครียดในระบบการย่อยอาหารและคุณก็สามารถหาได้จากการรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินเพื่อปรับปรุงการพร่องนี้หรือคุณสามารถปั่นอาหารของคุณเพื่อชดเชยการขาดกรดในกระเพาะอาหาร
และนี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามหรือไม่แต่จะระลึกถึงจากการแพทย์ในทุกวันนี้ จนก่อปัญหา..” ลำไส้รั่ว” ซึ่งหมายถึงภาวะที่โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือดและร่างกายจะสั่งโจมตีโปรตีนเหล่านั้นในฐานะผู้บุกรุกซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอีกมากมาย
..คุณคือใคร..
คุณสร้างเซลล์นับพันล้านเซลล์ต่อวันและการสร้างเหล่านี้ได้มาจากสารอาหารที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวันนั่นหมายความว่าอะไรก็ตามที่คุณกินเข้าไปมันจะกลายไปเป็นตัวคุณ
!!! ทุกอย่างเริ่มต้นที่ลำไส้!!!!
เกือบทุกโรคมีพื้นฐานจากการทำงานที่ผิดปรกติของลำไส้ อะไรก็ตามที่สามารถทำลายวิลไลในลำไส้เล็กหรืออะไรก็ตามที่ทำลายระบบการย่อยก็สามารถเป็นต้นเหตุของทุกอาการทางสมองได้เช่นกัน
มียาและสารเคมีมากมายในทุกวันนี้ที่สามารถสร้าง “รูรั่ว”ในลำไส้ และถ้าลำไส้คุณมีรูรั่ว มันก็คือ “ ลำไส้รั่ว” ที่เป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ แพ้ภูมิ
.................................................
Excitotoxins หนึ่งในสาเหตุที่มักถูกมองข้าม..
.................................................
ผงปรุงรส สารให้ความหวานสังเคราะห์คือสุดยอดแห่งสุดยอดของการเป็นพิษต่อระบบประสาท มันมุ่งตรงเข้าเล่นงานส่วนกลางของสมองอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนท้ายที่สุดแสดงให้เห็นโรคได้อย่างชัดเจน ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
พึงสังเกตระบบขับถ่าย ระบบการย่อย และอุจจาระของคุณ
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ขอบคุณ Dr.John Bergman

P D B (Part 2)

11 Apr 2017
ตอน P D B (Part 2)
โรคแพนิค (Panic) โรคซึมเศร้า (Depression) และโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้วหรือโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) ..
........................................................................
อารมณ์คือสารเคมีที่ถูกสร้างโดยสัญญาณไฟฟ้าในสมองที่มีพื้นฐานมาจากการรับรู้ของคุณ ..
ยากไป !!.....เอาใหม่ !!
คุณแปลความหมายของความคิดและสิ่งเร้าจากภายนอกว่า ดี เลว สนุกสนาน น่ากลัว น่ารังเกียจ .....บนพื้นฐานว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับมันอาทิ เมื่อคุณเห็น
ลูกสุนัขขนยาวน่ารัก..ถ้าคุณมีอดีตที่แสนหวานกับพวกเขา จะใช้ความทรงจำในอดีตสั่งให้คุณมีความสุข รักและสนุกสนานไปกับพวกเขาแต่ถ้าคุณมีอดีตที่ปวดร้าวเพราะเคยถูกลูกสุนักขนยาวกัดจนต้องเสียเวลาไปกับการฉีดยาป้องกันบาดทะยักและทำงานไม่ได้ไปหลายวัน สมองของคุณจะสั่งให้ปล่อยสารเคมีแห่งความกลัว โกรธและเกลียดชัง ดังนั้นในความเป็นจริงเรากำลังอยู่กับอดีต ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือเหตุการณ์หรือสิ่งเร้า เราแปลความหมายสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าสมองของเราเชื่อมต่อกันอย่างไรและทุกครั้งที่สมองแปลความหมายออกมาเป็นความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรินาลีนจะอาบไปทั่วเรือนร่างจากนั้นระบบภูมิคุ้มกันจะต่ำลง
!! นี่คือความหมายของคำว่า สมองของเราเชื่อมต่อกันอย่างไร !!
สมองประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่เชื่อมต่อกันเรียกว่า Dendrites เซลล์เหล่านี้เชื่อมต่อกับ Dendrites ด้วยวิธีไซแนปส์ (Synapse)หรือจุดประสานประสาทเพื่อรักษาไว้ซึ่ง ความทรงจำ ความคิด ประสบการณ์ เป็นต้น
..จินตนาการ...ต้นไม้นับล้านต้นซึ่งมีกิ่งทุกกิ่งต่อประสานกัน..นี่คือการทำงานของสมอง
-มีประมาณ แสนล้านเซลล์ประสาท
-มี แสนล้านล้าน ไซแนปส์
-สามารถประมวลผลข้อมูลมหาศาลภายในมิลลิวินาที
คราวนี้คงจะพอนึกภาพออกว่า สมองเชื่อมต่อกันอย่างไร เซลล์ประสาทเชื่อมต่อและส่งสัญญาณกันอย่างไรเพื่อสร้างสารเคมีที่ส่งผลต่ออารมณ์
ยกตัวอย่างเช่น ดาราที่มีทั้งความร่ำรวย ประสบความสำเร็จและเป็นโรคซึมเศร้าหลายคนอาจทราบดีว่า ทั้ง ทราย-อินทิรา เจริญปุระ และคุณแม่นั้นต่างก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทั้ง ๆ ที่ใครหลายคนคิดว่าชีวิตของพวกเขานั้นน่าอิจฉานักเพราะมีแทบจะทุกอย่างที่ใครหลายคนอยากจะมี..ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นอารมณ์ที่มีผลมาจากเคมีในสมองที่เซลล์ประสาทสื่อสารกันบนพื้นฐานของการรับรู้ต่อสิ่งเร้า
..ยากไป..เอาใหม่
บางคนเมื่อเห็นรถ โรลส์ รอยซ์ เขาอาจจะรับรู้ว่าหรูหราโดยไม่จำเป็น ฟุ่มเฟือย ความคิดนี้เป็นผลมาจากสารเคมีในสมองที่ถูกสร้างมา ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกตื่นเต้น อิจฉา อยากได้
ผมอยากให้คุณตระหนักว่า..มุมมองต่อตัวเองของคุณเป็นจริงสำหรับคุณ ถ้าคุณมองว่าตัวเองมีความสุข เชื่อมั่นในตัวเอง ประสบความสำเร็จและมีสุขภาพดี นั่นเป็นจริงสำหรับคุณ..และถ้าคุณมองตัวเองว่า ซึมเศร้า น่าอาย ป่วย ไร้ค่า ล้มเหลว นั่นก็เป็นจริงสำหรับคุณเช่นกัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณจะเปลี่ยนการรับรู้ต่อตัวเอง ..ปลดปล่อยศักยภาพของคุณและเปลี่ยนการรับรู้ต่อตัวคุณด้วยตัวของคุณเอง..คุณไม่ได้เป็นทาสของความเป็นจริงในตัวคุณ..แต่..คุณเป็นทาสการรับรู้ความเป็นจริงในตัวคุณต่างหาก
..คิดใหม่...
ถ้าเราสามารถเปลี่ยนการรับรู้ เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการส่งสัญญาณของเซลล์ประสาทและเปลี่ยนวิธีที่เซลล์ประสาทเชื่อมต่อกันและเปลี่ยนชนิดของสารเคมีที่ถูกสร้างขึ้นและท้ายที่สุดเปลี่ยนสภาวะทางอารมณ์ นี่คือหัวข้อที่เล่าเรียนกันในหมู่ผู้นิยมสร้างสมาธิซึ่งจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Neuroplasticity หรือ ความยืดหยุ่นของสมอง (Phesiol Rev.2014 Jan)
..มาเปลี่ยนโครงสร้างสมองกันดีไหม...
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนโครงสร้างของสมอง..แน่นอน !! ต้องมุ่งเป้าไปที่ส่วน ฮิบโปแคมปัส มันเป็นส่วนหนึ่งของระบบลิมบิกและทำหน้าที่ ๆ ดีเลิศ :
-เปลี่ยนสัญญาณประสาทสัมผัสไปสู่พฤติกรรมตอบโต้
-ความพึงพอใจ
-โกรธ
-ความอดทน
-ขับเคลื่อนความรู้สึกทางเพศส่วนเกิน
-ปรับอารมณ์
-เกี่ยวข้องกับ อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า ไบโพล่า
..งานวิจัยของ Harvard,Yale และ M.I.T จำนวนมากรายงานว่า..
การทำสมาธิ สวดมนต์ หรือขอพรจากพระเจ้า จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นในพื้นที่สำคัญของสมองสำหรับกระบวนการสร้างองค์ความรู้และอารมณ์เช่นเดียวกับดนตรี
..แบบฝึกหัดสำหรับการเปลี่ยนโครงสร้างสมอง…
ยืนหน้ากระจกวันละ 5 เวลาแล้วเปล่งวาจาออกมาดัง ๆ เป็นเวลา 21 วันคุณจะพบความแตกต่าง..
!!! เขียนคำเหล่านี้ไว้ที่หน้ากระจก !!!
ฉันกระตือรือร้น
ฉันเติมเต็ม
ฉันมีอำนาจ
ฉันเห็นอกเห็นใจ
ฉันรักผู้คน
ฉันรักตัวเอง
ฉันเป็นมิตร
ฉันใส่ใจ
ฉันชุ่มชื่น
ฉันรู้สึกทึ่ง
ฉันมีชีวิตชีวา
ฉันเป็นคนใจกว้าง
ฉันมองโลกในแง่ดี
ฉันเห็นใจ
ฉันสดใส
ฉันพอใจ
ฉันดีใจ
ฉันมีความสุข
ฉันรู้สึกดี
ฉันสุขสันต์
ฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ฉันภูมิใจ
ฉันปลอดภัย
ฉันร่าเริง
ฉันสงบ
และ....ฉันผ่อนคลาย
นี่คือการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อกันของเซลล์ประสาทเสียใหม่เพื่อที่จะทำให้คุณหายจาก แพนิค ซึมเศร้าและไบโพล่า
..การนอนหลับที่ดีคือการรักษาโรค..
เพื่อให้บทความไม่ยาวมาก..ติดตามเรื่องการนอนได้ที่...
ท้ายที่สุด...
เปลี่ยนการรับรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในทางวิทยาศาสตร์..เรารู้ว่าการรับรู้สามารถเปลี่ยนเรื่องราวด้านสรีรวิทยา ดังนั้นคุณสามารถคิดได้ว่าคุณ...สบายดี หรือ คิดว่าคุณกำลัง..ป่วย ระบบของความเชื่อ..เกี่ยวโยงกับสุขภาพ
............................................................................
ความกลัว วิตกกังวล โกรธ สิ้นหวัง ซึมเศร้า ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนแห่งความเครียดและมันจะทำให้ร่างกายเป็นกรด เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่ม หายใจไม่สะดวก สารอาหารไม่พอเลี้ยงเซลล์ เหนื่อยง่ายและทำลายภูมิคุ้มกัน
............................................................................
ทำให้ได้ตามนี้..ชีวิตที่เหลือของคุณจะเปลี่ยนไป
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
ขอบคุณ ..หนังสือดี ๆ บนโลกใบนี้และเพื่อนรัก Dr.John Bergman

หลายคนสงสัยว่าผมกินอะไรทุกเช้า..มาไขความลับกัน !!!


23 Apr 2017
หลายคนสงสัยว่าผมกินอะไรทุกเช้า..มาไขความลับกัน !!!
น้ำ 1 ลิตร ..ขิงสด 5 แว่น ต้มจนเดือดจากนั้นใส่กาแล้วใส่ดอกอัญชันแห้ง 10 ดอกและดอกคำฝอย 1 หยิบมือ ..เพื่ออะไร
-ดอกคําฝอย สรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด เนื่องจากดอกคำฝอยมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) อยู่มาก ซึ่งกรดชนิดนี้จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมันในเลือดและขับออกทางปัสสาวะและทางอุจจาระ เช่นเดียวกับหัวหอมหรือกระเทียม ลดความอ้วน ช่วยบำรุงประสาทและระงับประสาท ช่วยรักษาโรคฮิสทีเรีย (Hysteria) หรือโรควิตกกังวลหรือโรคขาดความอบอุ่น
ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีออกซิเจนเข้าถึงเซลล์ต่าง ๆ ได้ดี ช่วยบำรุงโลหิต แก้โลหิตเป็นพิษ และช่วยฟอกโลหิต
ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดเกาะตัวกันเป็นลิ่มเลือด ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยทำให้มีเลือดไปเลี้ยงที่หัวใจมากยิ่งขึ้น ทำให้หัวใจแข็งแรง
........................................................................
-น้ำอัญชันมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง เพิ่มการไหลเวียนเลือด ละลายลิ่มเลือด
ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบ ช่วยรักษาอาการผมร่วง ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยล้างสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาฟาง ตาแฉะ ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก ต้อหิน ตาเสื่อมจากโรคเบาหวาน
ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น
…………………………………………………………………
-ขิง ผมเน้นที่ระบบลำไส้ เพราะเมื่อระบบการย่อยดี ดูดซึมดี อะไร ๆ ก็จะดี
ไม่ยากใช่ไหม...ที่จะกินกันทุกเช้า

โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อ herpes virus [HSV]

วินิจฉัยแบบหมอ นอกกะลา ...ไม่ได้บ้านะ..แฮร่!!
นี่เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อ herpes virus [HSV] ซึ่งก่อตกขาวมีกลิ่นและเริม เชื้อ herpes มีสองชนิดคือ
-Herpes simplex virus 1 (HSV-1) มักเกิดบริเวณปากและผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไปเกิดที่ปากเรียกว่า Herpes labialis โรคนี้ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
-Herpes simplex virus 2 (HSV-2) เชื้อมักเกิดบริเวณอวัยวะเพศ และติดต่อโดยเพศสัมพันธ์เรียก Herpes genitalis
เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายและอยู่ในชั้นของผิวหนังเชื้อจะแบ่งตัว ทำให้ผิวหนังเกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและเกิดการอักเสบ หลังจากนั้นเชื้อจะเคลื่อนย้ายเข้าสู่ปมประสาท ganglia ซึ่งจะไม่มีการแบ่งตัวแต่ถ้าหากปัจจัยแวดล้อมเหมาะสมเชื้อก็เกิดการแบ่งตัวขึ้นได้ซึ่งทำให้เกิดอาการเป็นซ้ำ
ปัจจัยที่กระตุ้นคือความเป็นกรดของเลือด ความเครียด พักผ่อนน้อย การเสียเลือด การลดลงของเม็ดเลือดขาวและติดต่อทางสัมผัส เพศสัมพันธ์ หรือผ่านช่องคลอดขณะกำเนิด ท่านสามารถหาข้อมูลได้ทั่วไปทางอินเตอร์เน็ทสำหรับไวรัสตัวนี้..
แต่สิ่งที่ผมจะบอกในที่นี้คือ..ไวรัสแพ้ความเป็นด่างของร่างกาย ผมจึงแนะนำให้หยุดกิน หวาน นม เห็ด ผลไม้หวาน ขนมปัง ยิสต์ และกินอาหารที่เพิ่มความสามารถของเม็ดเลือดขาวซึ่งมักเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน และในกรณีที่ผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำหรือด้อยประสิทธิภาพผมจำเป็นต้องเพิ่มเม็ดเลือดขาวด้วยอาหารเสริมที่ผมเลือก..แล้วอย่าถามนะว่าอะไร..เพราะแต่ละคนใช้ไม่เหมือนกัน การบอกพร่ำเพรื่อเมื่อนำไปใช้อาจไม่เกิดผลสัมฤทธิ์
และไม่ใช่แพ้น้ำ...ณ จะบอกให้ คิคิ



วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

นี่คือสิ่งที่ควรอยู่ในลำไส้ของคุณทุกวันและทุกมื้อได้ยิ่งดี

7 Mar 2017

ตอน...!!!! นี่คือสิ่งที่ควรอยู่ในลำไส้ของคุณทุกวันและทุกมื้อได้ยิ่งดี
ทุกปัญหาด้านสุขภาพของท่านจะคลี่คลายโดยเร็วอย่างเห็นได้ชัดและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ 
....................................................................
อาหารที่เป็น พรีไบโอติก
หมายความว่า อาหารซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้และไม่ถูกดูดซึมได้ในระบบทางเดินอาหาร ทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กแต่จะถูกย่อยด้วยแบคทีเรียบริเวณในลำไส้ใหญ่ โดยจะกระตุ้นการทำงานและส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์โพรไบโอติก (probiotic) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จัดเป็นอาหารในกลุ่ม functional food
-หัวหอมสด (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนแต่ถ้าสุกกินได้)
-กระเทียม (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนแต่ถ้าสุก กินได้)
- มะม่วงดิบ (ห้ามในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร )
- กล้วยดิบ (ต้ม ย่าง ไม่มีสีเหลืองปน)
- มันสำปะหลัง (สุก นึ่ง ต้ม ย่าง เผา)
- กระเจี๊ยบเขียว (สุก)
- มะละกอดิบ (ส้มตำ ผัดกุ้ง ผัดหมู ผัดไข่ ว่าไป)
- ผักชีฝรั่ง
- หน่อไม่ฝรั่ง
- ซุปกระดูก
................................................................................
โพรไบโอติก (probiotic) คือจุลชีพที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมากและเป็นต้นกำเนิดของสุขภาพที่ดีในทุกส่วนของร่างกาย
................................................................................
-โยเกิร์ต (เด็ก 1 ช้อนชา ผู้ใหญ่ 1 ช้อนโต๊ะ)
-กิมจิ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)
แตงกวาดองทั้งลูก (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)
กะหล่ำปลีดอง (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)
นัตโต๊ะ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)
มิโซะ (เท่าที่กินได้ในมื้ออาหาร)
.............................................................................
และทั้งหมดนี้ได้โพสต์ประโยชน์รวมถึงที่มาไปแล้วแต่ไม่ค่อยอ่านกันหรืออ่านแล้วจำไม่ได้และถามกันมากจนขี้เกียจตอบ
ดังนั้น... กรุณา แปะ ๆ ๆ ๆ ๆๆ
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

ผักที่มักจะถูกมองข้าม

11 Mar 2017

ตอน ผักที่มักจะถูกมองข้าม
แตงกวาเป็นพืชตระกูลเดียวกับสควอช ฟักทองและแตงโม (ตระกูล Cucurbitaceae) และเช่นเดียวกับแตงโม ..แตงกวาจะประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ (95 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งหมายความว่าการรับประทานในช่วงฤดูร้อนจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น แต่อย่างไรก็ตามยังมีเหตุผลที่ควรกินแตงกวาตลอดทั้งปี.. วิตามินเค วิตามินบี ทองแดง โพแทสเซียม วิตามินซีและแมงกานีสในแตงกวาสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการขาดสารอาหารที่แพร่หลายในหมู่ผู้ที่รับประทานอาหารขยะโดยทั่วไปได้
นอกจากนี้แตงกวายังประกอบด้วยโพลีฟีนอลที่เป็นเอกลักษณ์และสารประกอบอื่น ๆ ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและโรคอื่น ๆ อีกมากมาย
!! 9 เหตุผลที่ควรรับประทานแตงกวา
1.ปกป้องสมองของคุณ
แตงกวามีสาร flavonol ที่เรียกว่า fisetin ซึ่งต้านการอักเสบที่ดูเหมือนจะมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพสมอง นอกเหนือจากการปรับปรุงความจำและการปกป้องเซลล์ประสาทของคุณจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว (1) fisetin ได้รับการค้นพบว่าสามารถป้องกันความจำเสื่อมและความบกพร่องทางการเรียนรู้ในหนูที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ (2)
2. ลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง
แตงกวามีโพลีฟีนอลที่เรียกว่า lignans (pinoresinol, lariciresinol และ secoisolariciresinol) ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่และมะเร็งต่อมลูกหมาก (3) นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่เรียกว่า cucurbitacins ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง ตามที่ George Mateljan Foundation กล่าวไว้ : (4)
"นักวิทยาศาสตร์ได้พิจารณาแล้วว่าหลายเส้นทางการส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน (เช่นเส้นทาง JAK-STAT และ MAPK) ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเซลล์มะเร็ง
และการอยู่รอดของมันสามารถถูกบล็อกโดยกิจกรรมของ cucurbitacins "
3. ต่อสู้กับอาการอักเสบ
แตงกวาอาจช่วยให้การตอบสนองต่อการอักเสบในร่างกายของคุณเย็นลงและการศึกษาในสัตว์ทดลองชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากแตงกวาช่วยลดการอักเสบที่ไม่พึงประสงค์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ก่อการอักเสบ รวมทั้ง cyclo-oxygenase 2 หรือ COX-2 (5)
4.คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
แตงกวามีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายรวมทั้งวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่รู้จักกันดี นอกจากนี้พวกเขายังมี flavonoids ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่น quercetin, apigenin, luteolin และ kaempferol (6) ซึ่งให้ประโยชน์เพิ่มเติมแก่ร่างกายคุณ
ยกตัวอย่างเช่น quercetin :ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่หลายคนเชื่อว่าป้องกันการปล่อยฮีสตามีน –ขณะที่ Kaempferol อาจช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็งและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังรวมถึงโรคหัวใจ
5. ทำให้ลมหายใจสดชื่น
การวางชิ้นแตงกวาไว้บนเพดานปากของคุณอาจช่วยในการกำจัดกลิ่นปากจากแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นได้.. ตามหลักการของ Ayurveda (การแพทย์แผนโบราณของอินเดีย) การกินแตงกวาอาจช่วยในการปลดปล่อยความร้อนส่วนเกินในกระเพาะอาหารซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการหายใจที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ (7)
6. จัดการความเครียด
แตงกวามีวิตามินบีหลายชนิดได้แก่ วิตามินบี1 วิตามินบี 5 และวิตามินบี 7 (ไบโอติน) วิตามินบีเป็นที่รู้จักกันว่าช่วยลดความรู้สึกของความวิตกกังวลและป้องกันบางส่วนของความเสียหายที่เกิดจากความเครียด
7. สนับสนุนสุขภาพทางเดินอาหารของคุณ
แตงกวาอุดมไปด้วย 2 องค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหารที่ดีคือน้ำและเส้นใย การเติมแตงกวาลงไปในน้ำปั่นหรือสลัดจะช่วยให้คุณได้รับปริมาณเส้นใยที่ร่างกายต้องการ - 50 กรัมต่อ 1,000 แคลอรี่ที่บริโภค ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับกรดไหลย้อนคุณควรรู้ว่าการน้ำดื่มสามารถช่วยลดอาการเฉียบพลันของกรดไหลย้อนได้ชั่วคราวโดยการเพิ่มค่า pH ในกระเพาะอาหาร; เป็นไปได้ว่าแตงกวาที่อุดมไปด้วยน้ำอาจมีผลเหมือนกัน
เปลือกแตงกวามีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนอุจจาระของคุณ สิ่งนี้จะช่วยให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านระบบย่อยอาหารของคุณได้อย่างรวดเร็วสำหรับการกำจัดของเสีย
8. รักษาน้ำหนัก
แตงกวามีแคลอรี่ต่ำมาก ดังนั้นการนำมาขบเคี้ยวเล่น (1 ถ้วยของแตงกวาหั่นบาง ๆ มีเพียง 16 แคลอรี่เท่านั้น)(8) เส้นใยที่ละลายน้ำได้ในแตงกวาจะละลายเป็นเนื้อเจลในลำไส้ของคุณซึ่งช่วยชะลอการย่อยอาหารของคุณและช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้นและเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมอาหารที่มีเส้นใยสูงจึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้
9. สนับสนุนสุขภาพหัวใจ
แตงกวามีโพแทสเซียมซึ่งเกี่ยวข้องกับการลดระดับความดันโลหิต ความสมดุลที่เหมาะสมของโพแทสเซียมทั้งภายในและภายนอกเซลล์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับร่างกายของคุณในการทำงานที่ถูกต้อง
ในฐานะที่เป็นอิเล็กโทรไลต์..โพแทสเซียมเป็นไอออนที่มีประจุบวกซึ่งต้องรักษาระดับความเข้มข้นที่แน่นอน (ภายในเซลล์มีประมาณ 30 เท่าของภายนอกเซลล์) เพื่อให้สามารถทำงานได้ซึ่งรวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับโซเดียมเพื่อช่วยในการควบคุมการส่งแรงกระตุ้นของเส้นประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อและหน้าที่การทำงานของหัวใจ
มีหลายวิธีที่จะเพลิดเพลินไปกับแตงกวาเช่นดองหรือกินดิบในสลัด ทำอาจาดด้วยน้ำส้มสายชู ตำแตง และหากคุณกำลังมองหาสิ่งที่แตกต่าง น้ำผักปั่นของคุณควรจะเพิ่มแตงกวาลงไปเนื่องจากรสชาติที่อ่อนโยนและมีปริมาณน้ำที่สูง
แตงกวาอินทรีย์เป็นสิ่งมีค่า.. เนื่องจากสารเคมีที่นิยมใช้ในการเพาะปลูกโดยทั่วไปนำไปสู่มะเร็ง..และถ้าคุณมีพื้นที่หลังบ้าน..ผมแนะนำให้ปลูกแตงร้านไว้รับประทาน
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

พริกไทยดำดีสำหรับอะไร

14 Mar 2017

ตอน พริกไทยดำดีสำหรับอะไร
จากครอบครัว Piperaceae เมื่อปรุงอาหารให้ใช้ในช่วงนาทีสุดท้ายเพื่อรักษารสชาติของน้ำมันหอมระเหยเอาไว้
ประโยชน์ต่อสุขภาพของพริกไทยดำ
สิ่งที่ 1 ออนซ์หรือ 2 ช้อนโต๊ะของเครื่องเทศนี้มี : 79% ของค่าที่แนะนำต่อวันสำหรับแมงกานีส; 57% ของวิตามินเค; 45% ของธาตุเหล็กและ 30% ของเส้นใย และเป็นความจริงที่ว่าคนเราจะไม่มีวันกินพริกไทยได้มากนักในหนึ่งวัน แต่มันจะช่วยในการคำนวณสารอาหารที่คุณจะได้รับในหนึ่งช้อนชาอาทิเช่นแมงกานีส 6% จำเป็นสำหรับร่างกายไปตลอดทั้งวัน
พริกไทยดำช่วยส่งเสริมระบบต่าง ๆ ของร่างกายด้วยแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น
-โพแทสเซียมเพื่อควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
-แคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันของคุณ
-สังกะสี ตามการศึกษาพบว่าช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
-เหล็กนำออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนที่เหลือของร่างกายของเราและช่วยให้กล้ามเนื้อมีออกซิเจนเพื่อการใช้และการจัดเก็บ สำหรับแมกนีเซียม : นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเอนไซม์มากกว่า 300 ตัวต้องใช้มันเป็นปัจจัยร่วมเพื่อช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่นได้ สร้างกระดูกและเป็นสารต้านการอักเสบ โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุในพริกไทยดำที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหารของกระเพาะอาหารและส่งเสริมสุขภาพในลำไส้
เนื่องจากพริกไทยเป็นยาขับลมซึ่งช่วยลดการก่อตัวของก๊าซในลำไส้และเสมือนเป็นโบนัสเพราะชั้นนอกของพริกไทยช่วยในการสลายเซลล์ไขมัน มันจะอุ่นร่างกายเพื่อที่จะส่งเสริมการขับเหงื่อซึ่งช่วยในการกำจัดสารพิษ
พริกไทยดำยังมีน้ำมันหอมระเหยเช่น piperine -แอลคาลอยด์ที่ได้จากแอมโมเนียซึ่งช่วยให้พริกมีลักษณะหนาและร้อนตลอดจน monoterpenes ,sabinene ,pinene terpenene, limonene และ mercene ซึ่งทำให้เครื่องเทศมีกลิ่นหอม เมื่อทั้งหมดนี้มารวมกันจึงทำให้น้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยในการลดอาการปวดกล้ามเนื้อ โรค Chilblains หรือ นิ้วเท้า/ นิ้วมืออักเสบและคันจากอากาศหนาว ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ส่วนใหญ่มักพบได้ในคนที่มีความไวต่ออากาศและอุณหภูมิที่หนาว และโรคข้ออักเสบและช่วยในการรักษาอาการท้องผูกและการย่อยอาหารที่ซบเซา
การศึกษาที่ได้รับทุนจากสถาบันวิทยาศาสตร์ McCormick เกี่ยวกับประโยชน์ด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นของพริกไทยดำได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า มันมีความสามารถในการเสริมสร้างระบบทางเดินอาหาร สารประกอบตัวหนึ่งที่ชื่อว่า piperine มีคุณสมบัติในการรักษาโรคด่างขาวหรือที่เรียกว่า vitiligo และอาจเป็นพิษต่อปรสิตที่เป็นสาเหตุของโรคมาลาเรีย piperine เพิ่มความสามารถในการดูดซึม betacarotenes, selenium และวิตามินบี (ในพริกไทยดำหมายถึง pyridoxine, riboflavin, thiamin และ niacin) เช่นเดียวกับสารอาหารอื่น ๆ จากอาหาร
การศึกษาอื่นแสดงให้เห็นว่าการเจริญเติบโตของแบคทีเรียหลายชนิดจะถูกยับยั้งเมื่อใช้พริกไทยดำและสรุปด้วยคำพูดที่ว่า : พริกไทยดำอาจไม่ได้มีเพียงแต่การต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อแบคทีเรียและลดไข้ แต่มีคุณสมบัติในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
!! การศึกษาที่ทำกับพริกไทยดำ
สัญญาณชีพจรด้านความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่สามารถระงับอาการที่เกิดจากการหยุดสูบบุหรี่รวมถึงความอยากบุหรี่ได้ ตามการศึกษาหนึ่ง : ไอของน้ำมันหอมระเหยพริกไทยดำเป็นหนึ่งในสามเงื่อนไขที่กำหนดให้กับผู้เข้าร่วมการศึกษา 48 คนที่สูบบุหรี่ในช่วงเวลาสามชั่วโมงซึ่งดำเนินการหลังจากที่คนไข้ขาดบุหรี่ตลอดคืน กลุ่มที่สองสูดดมจาก มิ้นท์ / เมนเทลและกลุ่มที่สามสูดดมจากตลับเปล่า
การศึกษาพบว่าความอยากบุหรี่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการสูดดมสารหอมระเหยในพริกไทยเมื่อเทียบกับอีกสองชนิดรวมทั้งบรรเทาอาการวิตกกังวล
สรุป : ส่วนประกอบของพริกไทยดำอาจมีประโยชน์สำหรับการเป็นหนึ่งในวิธีการเลิกสูบบุหรี่ (1)
พริกไทยดำและฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็งและต้านการอักเสบยังไม่เป็นที่ทราบ แต่นักวิจัยได้ทำการศึกษาเพื่อวิเคราะห์คุณสมบัติเหล่านี้ การเพิ่มจำนวนเซลล์มะเร็งในมนุษย์ได้ถูกยับยั้งเมื่อใช้พริกไทยดำ
โดยรวมผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าพริกไทยดำและส่วนประกอบต่าง ๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระและต้านมะเร็งได้
และสามารถกินได้ทุกเพศทุกวัย การพยายามหาเมนูที่โรยด้วยพริกไทยอาจเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อให้ร่างกายปลอดสารเคมีที่เรียกว่า ...ยารักษาโรค
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

บร๊อกโคลี่

21 Mar 2017
ตอน บร๊อกโคลี่
ผักมีวิธีการที่น่าประทับใจในการนำเสนอผลประโยชน์อย่างกว้างขวางต่อสุขภาพของคุณและบร๊อกโคลี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อคุณกินบร๊อกโคลี่ คุณจะได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์หลายร้อยชนิดที่สนับสนุนสุขภาพที่ดีที่สุด
.......................................................................
สารใด ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่สามารถเปรียบเทียบได้และนั่นเป็นเหตุผลที่..คุณควรกิน...บร๊อกโคลี่ของคุณ!
.......................................................................
5 ประโยชน์หลักของบร๊อกโคลี่
ข้อคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับประโยชน์ด้านสุขภาพของบร๊อกโคลี่ ผักตระกูลกะหล่ำนี้ เป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดในการส่งเสริมสุขภาพรอบด้านด้วยการวิจัยที่พิสูจน์แล้วถึงประสิทธิภาพของมัน ...
1. โรคข้ออักเสบ
การทดสอบเมื่อเร็ว ๆ นี้ในเซลล์เนื้อเยื่อและในหนูทดลองแสดงให้เห็นว่าสารประกอบกำมะถันในบร๊อคโคลี่ที่ชื่อ sulforaphane สามารถบล็อกเอนไซม์ทำลายล้างที่สำคัญที่ทำให้กระดูกอ่อนเสียหายได้ (1) และคิดกันว่าการเพิ่มบร๊อกโคลี่ในอาหารของคุณอาจช่วยชะลอตัวและแม้กระทั่งป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมได้
2. มะเร็ง
Sulforaphane ในบร๊อคโคลี่ยังแสดงให้เห็นว่าสามารถฆ่าเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งได้ดังนั้นจึงเป็นการแก้ที่รากเหง้าของการเจริญเติบโตของเนื้องอกและglucoraphanin ซึ่งเป็นสารตั้งต้น Sulforaphane ช่วยเพิ่มเอนไซม์ของเซลล์ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากโมเลกุลที่เสียหายจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง (2, 3)
การศึกษายังพบอีกด้วยว่า sulforaphane จะไปทำให้กระบวนการ DNA methylation เป็นกลาง (4) ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเมธิล (1 อะตอมของคาร์บอนที่ติดอยู่กับ 3อะตอมของไฮโดรเจน) ถูกเพิ่มลงในส่วนของโมเลกุลดีเอ็นเอและส่งผลต่อการแสดงออกของมัน
กระบวนการ methylation ดีเอ็นเอเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของเซลล์ปกติที่ทำให้เซลล์สามารถ "จำได้ว่าพวกเขาเป็นใครและอยู่ที่ไหน" และจำเป็นสำหรับการควบคุมการแสดงออกของยีน
กระบวนการ methylation ดีเอ็นเอยังยับยั้งยีนสำหรับสิ่งที่คุณไม่ต้องการอาทิเช่นยีนและอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับโรคและ DNA methylation ที่ผิดปกติมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามะเร็งเกือบทุกประเภท
การศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน PLoS One(5) พบว่าเพียง 4 ครั้งของการกินบร๊อกโคลี่ต่อสัปดาห์สามารถป้องกันคุณผู้ชายจากมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ในหนึ่งครั้งของการกินก็ประมาณสองง่ามดอกดังนั้นจึงต้องกินเพียง10 ง่ามดอกต่อสัปดาห์
ในการศึกษานี้นักวิจัยเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อในระหว่างการศึกษาและพบว่าผู้ชายที่กินผักชนิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่เป็นประโยชน์หลายร้อยครั้งซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง
3. ความดันโลหิตและสุขภาพไต
Sulforaphane ในบร๊อกโคลี่ยังอาจช่วยลดความดันโลหิตและปรับปรุงความสามารถในการทำงานของไตได้อย่างมีนัยสำคัญตามการศึกษาหนึ่งซึ่งกระทำในหนูที่มีความดันโลหิตสูงและความสามารถในการทำงานของไตลดลง เมื่อได้รับ sulforaphane ซึ่งสารประกอบจากธรรมชาติ พบว่าช่วยเพิ่มการทำงานของไตในหนูและลดความดันโลหิตของพวกเขาลงได้ด้วยกระบวนการที่ทำให้รูปแบบการ methylation ดีเอ็นเอเป็นปกติภายในเซลล์ของพวกเขา (6)
4. ต่อต้านริ้วรอยและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ Sulforaphane ยังกระตุ้นให้เกิดความหลากหลายของระบบการป้องกันเพื่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายของคุณซึ่งสามารถลดความเครียดออกซิเดชันและลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่หย่อนสภาพตามวัยให้ช้าลง ตามหลักทฤษฎีนี้หมายถึงการรับประทานผักที่มี sulforaphane : ความเสื่อมอาจช้าลง
5. สุขภาพหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
Sulforaphane ส่งเสริมการผลิตเอนไซม์ที่ช่วยป้องกันหลอดเลือดและลดจำนวนโมเลกุลที่ก่อให้เกิดความเสียหายของเซลล์ที่เรียกว่า Reactive Oxygen Species (ROS) ได้ถึง 73 เปอร์เซ็นต์ (8) ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า ในการพัฒนากลายไปเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดในสมอง - ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกับหลอดเลือดที่เสียหาย การกินบร๊อกโคลี่อาจช่วยในการย้อนกลับความเสียหายบางส่วนได้
!!! ประโยชน์ของบร๊อกโคลี่ต่อดวงตา ผิวและอื่น ๆ อีกมากมาย
ประโยชน์ของบร๊อกโคลี่ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นที่รู้จักกันว่า : (9)
ช่วยในการขับสารพิษในร่างกายของคุณด้วยพฤกษเคมี ;
glucoraphanin, gluconasturtiian และ glucobrassicin ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (การอักเสบเป็นรากฐานของโรคเรื้อรังหลายชนิด) นอกจากนี้มันยังประกอบด้วย flavonoid ที่ชื่อ kaempferol ซึ่งอาจต่อสู้กับโรคภูมิแพ้และการอักเสบได้และปริมาณมากของเส้นใยเพื่ออำนวยความสะดวกในการย่อยอาหารที่ดีขึ้น
ในส่วนของสุขภาพดวงตา – ต้องขอขอบคุณระดับที่สูงของ carotenoids ที่ชื่อ lutein และ zeaxanthin
ส่วนประโยชน์ต่อผิวของคุณเป็นหน้าที่ของ sulforaphane ที่ช่วยซ่อมแซมความเสียหายแก่ผิว
การที่มันอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์อาทิเช่นโพแทสเซียม แคลเซียมโปรตีนและวิตามินซี อาจลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เนื่องจากมีทั้งเส้นใยที่ละลายน้ำได้และโครเมียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจและมี lutein ซึ่งอาจช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดแดงของคุณหนาขึ้น
"ความลับ" เพื่อเพิ่มประโยชน์ด้านสุขภาพของบร๊อกโคลี่
หลายคนเชื่อว่าวิธีเดียวที่จะกินมันคือหลังจากที่มันถูกผัดหรือนึ่ง....ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย...เรายังสามารถเพลิดเพลินกับการกินดิบๆหรือแม้กระทั่งปั่นเป็นน้ำผัก เพื่อปกป้องระดับสารอาหาร สิ่งนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีถ้าคุณไม่ชอบรสชาติหรือกลิ่นของบร๊อคโคลี่ ในแง่ของการวิจัยแม้แต่สารสกัดจากต้นอ่อนของบร๊อคโคลี่ก็แสดงให้เห็นถึงการลดขนาดของเนื้องอกในเต้านมของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็ง ตามที่นักวิจัยจาก Johns Hopkins University: (10)
"ต้นบร๊อกโคลี่อ่อนอายุสามวันมีปริมาณสารเคมีที่ป้องกันโรคมะเร็งได้มากกว่าดอกบร๊อกโคลี่ถึง 20 ถึง 50 เท่าและอาจเป็นวิธีง่ายๆในการลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง"
เมื่อเทียบกับผักชนิดอื่นในตระกูลกะหล่ำซึ่งมี sulforaphane (11)กะหล่ำปลีชนิดบร๊อคโคลี่อายุ 3 วันจะมีระดับ glucoraphanin สูงกว่า 10 ถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับพันธุ์ที่โตเต็มที่ และที่ดีไปกว่านั้นคุณสามารถเพาะมันที่บ้านของคุณได้โดยง่ายและไม่แพง
ประโยชน์ที่สำคัญอื่น ๆ ก็คือคุณไม่จำเป็นต้องปรุงอาหาร พวกเขาสามารถรับประทานดิบได้ ลองเพิ่มพวกเขาในสลัดของคุณที่จะทำให้พวกเขาเป็นซุปเปอร์อาหารที่แสนอร่อย!
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ The New York Times (12) เพิ่งเปิดตัวสูตรบร๊อกโคลี่หลายอย่างที่ฟังดูดีรวมถึงผักสลัดบร๊อคโคลี่ quinoa และ purslane ลองไปติดตามอ่านกันดูนะครับ
ย้ำ !!! ผู้มีภาวะไทรอยด์ต่ำ หรือ ต่ำแฝง ไม่ควรรับประทาน แต่สำหรับไทรอยด์สูงหรือเป็นพิษ จัดหนักได้เลยครับ ....
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี

อาหารที่ดีสำหรับหัวใจ

25 Mar 2017

ตอน อาหารที่ดีสำหรับหัวใจ
กล้ามเนื้อหัวใจของคุณค่อนข้างจำเพาะ ในขณะที่พวกเขาคล้ายกับกล้ามเนื้อลายของคุณ (skeletal muscles) เนื่องจากมีเส้นเอ็นแต่การทำงานของพวกเขาใกล้เคียงกับกล้ามเนื้อเรียบมากกว่าเนื่องจากการหดเกร็งของหัวใจของคุณเป็นไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทุกๆนาทีหัวใจของคุณต้องสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายประมาณ 5 ลิตร (1.3 แกลลอน)และเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดง..หัวใจของคุณจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงชีวิตของคุณ
เช่นเดียวกับกล้ามเนื้ออื่น ๆ กล้ามเนื้อหัวใจของคุณจำเป็นต้องมีสารอาหารบางชนิดและปัจจัยร่วมในการทำงานอย่างถูกต้อง (1)
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ส่วนหนึ่งของพลังงานที่ร่างกายต้องการจะได้รับจากแสงแดด แต่ผิวคุณต้องสัมผัสกับแสงโดยตรง รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ช่วยเพิ่มการปลดปล่อยไนตริกออกไซด์ (NO) ซึ่งสามารถนำพาการไหลเวียนโลหิตของคุณไปสู่ผิวได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อเลือดของคุณถูกแสงแดดพวกเขาจะดูดซับรังสียูวีและรังสีอินฟราเรดซึ่งสามารถช่วยในการจัดการโครงสร้างของน้ำในเซลล์ของคุณและกระตุ้นไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) และที่สำคัญที่สุดคือหัวใจของคุณมีความเข้มข้นของไมโตคอนเดรียมากที่สุด
!! ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจมักเกี่ยวข้องกับภาวะขาดสารอาหาร
การขาดสารอาหารแบบเรื้อรังอาจนำไปสู่ปัญหาหัวใจเช่น Cardiomyopathy (อาการที่เกิดจากการอักเสบ การสูญเสียความยืดหยุ่นและการขยายตัวของหัวใจ) โรคลิ้นหัวใจ โรค Arrhythmia (ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ)และภาวะหัวใจล้มเหลว
ตัวอย่างของสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของหัวใจรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) วิตามินบี (รวมทั้งโฟเลตหรือ B9 และบี 12) carnitine, taurine, coenzyme Q10 (CoQ10) แมกนีเซียม วิตามิน K2 วิตามิน D และโอเมก้า -3 จากสัตว์ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมีบทบาทสำคัญในการรักษาไมโตคอนเดรียของคุณให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง
!!สารอาหารไม่ได้ทำงานแยกกัน; แต่พวกเขาทำงานร่วมกับสารอาหารอื่น ๆ ซึ่งหมายถึงการเสริมด้วยสารอาหารเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่ได้รับการดูแลสารอาหารที่บกพร่องอื่น ๆ อาจไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย
ยกตัวอย่างเช่นวิตามิน D และ K2 - แมกนีเซียมและแคลเซียม พวกเขาทำงานเป็นทีมและถ้าตัวใดตัวหนึ่งขาดหายไป สารอาหารอื่นจะทำงานได้ไม่ดี
ทางออกที่ดีที่สุดคือการรับประทานอาหารที่หลากหลายและอุดมไปด้วยผลไม้สดที่ไม่หวาน ผลเบอร์รี่และผัก ตัวอย่างเช่นงานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่อุดมไปด้วยเส้นใยและโพลีฟีนอลอาจเป็นประโยชน์มากกว่ายาลดไขมัน กลุ่ม statin สำหรับสุขภาพของหัวใจ
..................................................................
โพลีฟีนอล:สารต้านอนุมูลอิสระมีส่วนสำคัญในการต่อต้านการอักเสบและความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
..................................................................
ความสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระเป็นกลุ่มที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายของคุณจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระซึ่งจะควบคุมอัตราตามอายุ หากร่างกายของคุณไม่ได้รับการป้องกันที่เพียงพอคุณก็สามารถสร้างอนุมูลอิสระที่มากเกินไปซึ่งไปลดหน้าที่การทำงานของเซลล์และไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจแต่ยังเพิ่มความผิดปกติของระบบประสาทและแม้กระทั่ง..มะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระสามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ :
•คาโรทีนอยด์ (อ่านในโพสต์ที่ผ่านมา)
•อัลลีลซัลไฟด์ที่พบในกระเทียมและหัวหอม
•โพลีฟีนอลซึ่งสามารถแบ่งย่อยออกเป็นสี่ประเภทย่อย ได้แก่ ฟลาโวนอยด์ stilbenes ลิกนันและกรดฟีนอล โพลีฟีนอลทำให้ผลไม้ผลจำพวกเบอร์รี่และผักมีสีสันที่สดใสและมีส่วนร่วมในการสร้าง ความขม ความรู้สึกฝืด รสชาติ กลิ่นหอมและเสถียรภาพของออกซิเดทีฟในอาหาร
มีมากกว่า 8,000 โพลีฟีนอลที่พบได้ในอาหารเช่น ชา ไวน์ ดาร์คช็อคโกแลต โกโก้ ผลไม้ ผักและน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ และสำหรับผักที่หาง่าย : ใบมันปู ยอดมะม่วงหิมพานต์ เสม็ดชุน สะเดา ใบส้มแป้น ผักกระเฉด ผักพูม ผักชีล้อม ผักเหรียง ถั่วลันเตา ผักหนาม กะปล่ำปลีม่วง ผักหวานบ้าน ถั่วฝักยาว บร็อกโคลี
.........................................................................................
!! ชื่อสั้นๆเพียงไม่กี่คำนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพของคุณ
.........................................................................................
..โพลีฟีนอลช่วยปกป้องหัวใจคุณ
การศึกษาจำนวนมากสนับสนุนว่า โพลีฟีนอลมีส่วนร่วมในการป้องกันและการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด (2) อาทิเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ (3) พบว่าปริมาณที่มากขึ้นของฟลาโวนอยด์จากผลไม้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่อุดมไปด้วยแอนโธไซยานิน – ผลไม้และผลเบอร์รี่ที่มีสีม่วง แดงเข้มหรือสีม่วงเข้ม - และบรรดาที่มี flavanones สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลส้มเช่น ส้มโอและมะนาว) ลดความเสี่ยงของการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายและโรคหลอดเลือดตีบในผู้ชาย
!! โปรดระลึกไว้ว่าการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหล่านี้ คุณจำเป็นต้องกินผลไม้..ไม่ใช่น้ำผลไม้ซึ่งมีฟรักโตสที่สูงเกินไป ฟรักโตสที่มากเกินไปเกี่ยวข้องกับความต้านทานต่ออินซูลินและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องรวมถึงโรคเบาหวานและโรคหัวใจ นี่คือการสุ่มตัวอย่างจากการศึกษาอื่น ๆ ที่แสดงถึงประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระต่อสุขภาพของหัวใจ:
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการของอังกฤษซึ่งเป็นผลจากการทบทวน 14 การศึกษาพบว่าการรับประทาน flavonoids ถึง 6 ชั้น ได้แก่ flavonols, anthocyanidins, proanthocyanidins, flavones, flavanones และ flavan-3-ols สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อย่างมีนัยสำคัญ (4)
การศึกษาด้านการแพทย์..งง.. ว่า flavonoids ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อย่างไร แต่การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่าการเผาผลาญสารฟลาโวนอยด์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในเซลล์เยื่อบุผนังซึ่งเป็นเยื่อบุหลอดเลือดของคุณ
..Flavonoids ช่วยลดการจับกันเป็นก้อนของเกล็ดเลือด (5)
การจับกันเป็นก้อนของเกล็ดเลือดเป็นปัจจัยหนึ่งในการเกิดภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน สารโพลีฟีนอลช่วยขจัดอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในร่างกายของคุณ
และสารโพลีฟีนอลยังยับยั้งปัจจัยการเติบโตของเยื่อบุผนังหลอดเลือด (VEGF) ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงซึ่งเป็นปัจจัยในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด(6)
!!!! ประโยชน์ด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหารที่อุดมไปด้วยโพลีฟีนอล
นอกเหนือจากการปกป้องระบบหัวใจ หลอดเลือดและลดความดันโลหิตแล้วโพลีฟีนอลยังช่วย (7,8)
-ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งและยับยั้ง angiogenesis (การเจริญเติบโตของหลอดเลือดที่ป้อนเลือดให้เนื้องอก)
-ปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต
-ต่อต้านอนุมูลอิสระและลดริ้วรอย
-ส่งเสริมสุขภาพสมองและป้องกันภาวะสมองเสื่อม
-ลดการอักเสบ
-ปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดและระดับไขมันในเลือดให้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังป้องกันโรคอ้วนที่เกี่ยวข้องกับเบาหวาน ไขมันพอกตับชนิดไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (NAFLD) และโรคหัวใจที่เชื่อมโยงกับอาหารแบบตะวันตก (9,10,11)
ถ้าคุณมีปัญหาหัวใจและหลอดเลือด บางทีอาหารที่ดีเหล่านี้อาจปกป้องชีวิตคุณและปราศจากผลข้างเคียงของยา
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี